Sunday, 16 January 2011

บทที่ 69 " Jewelry Maker "

ถึงเพชรนิลจินดา .....มีค่ายิ่ง 
ใส่ให้ลิงก็เป็นลิง .....ไม่ทิ้งเผ่า
ให้ลาปยศเสริมคน .....จนมัวเมา
ก็เข้าเค้าเหมือนอย่างลิง .....ไม่ทิ้งรอย
********************************************
วันอังคารที่ 9 มีนาคม 2010 เวลาประมาณ 0945 am ณ บริษัทจิวเวรี่แห่งนึงย่านสีลม กรุงเทพมหานครฯ
??? - "
ยังเป็นพวกชอบมาสายเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ" ชายหนุ่มรูปงามในชุดสูทเดินเข้ามาทักทายผมตรงล็อบบี้อย่างเป็นกันเอง
ผม - "ก่อนจะพูดน่ะหัดคิดซะมั่งดิ๊ วันนี้วันจันทร์นะห่า รถติดชิบหายเลย" ผมยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้ชายหนุ่มรูปงามคนนั้นก่อนจะหันไปคุยโทรศัพท์ต่อ
??? - "
โอ้ นึกว่าจะใช้ชื่อสิทธิกรซะอีก .....ขอต้อนรับสู่ความเป็นพลเรือนเต็มขั้นนะเพื่อนรัก" ชายหนุ่มรูปงามเก็บเอกสารใส่ซองตามเดิมแล้วกอดคอผม
ชายหนุ่มรูปงามคนนี้ชื่อ "ชัย" เป็นเพื่อนร่วมชั้นของผมตอนเรียนมัธยมต้น-ปลาย พ่อและแม่ของมันเปิดบริษัทจิวเวรี่รับออร์เดอร์จากต่างประเทศ
โดยมีไอ้ชัยนั่งแท่นเป็นผู้บริหารฝ่ายบุคคล
ผม - "นี่ๆ ที่กูมานี่น่ะ .....กูต้องการอะไรที่มันไม่สะดุดตา .....แต่นี่มึงเล่นซะ" ผมวางปากกาที่ไอ้ชัยเตรียมไว้ให้ผมเซ็นต์เอกสารเพื่อสมัครเป็นพนักงานของบริษัท
ไอ้ชัย - "เอาน่า กูหาตำแหน่งที่เหมาะกับมึงที่สุดแล้วนะเนี่ย .....รีบๆ เซ็นต์ซิวะเดี๋ยวกูต้องไปพบลูกค้าอีกนะเว๊ย" ไอ้ชัยหยิบปากกาใส่มือผมแล้วบอกให้เซ็นต์
ผม - "กูเอาวุฒิ ม.3 มาสมัครแต่มึงกลับให้กูเป็นรองผู้จัดการฝ่ายประสานงานต่างประเทศนี่อานะ .....มึงจะบ้ารึป่าว เอาแค่พนักงานปกติทั่วไปก็พอ"
ไอ้ชัย - "เออน่ะ เหมาะสุดแล้วมึงน่ะ ....โอเคๆ ไม่เซ็นต์ก็ไม่เซ็นต์ ....วิ ....วิชุดาอยู่ไหม ? ช่วยพารอง ผจก.ฝ่ายต่างประเทศคนใหม่ไปเข้าคอก เอ๊ย เข้าห้องที"
ผม - "มัดมือชกนี่หว่า"
ไอ้ชัย - "คนอย่างมึงชอบให้บังคับอยู่แล้วนี่ ....ฝากด้วยนะวิ ไอ้นี่มันค่อนข้างบ้าๆ บอๆ น่ะ .......ขาดเหลือไรบอกวินะเว๊ย"
ผม - "เออๆ จะไปไหนก็ไปปะ เหม็นขี้หน้าชิบหาย"
ไอ้ชัย - "ใช่ซี้ อิจฉาที่กูหล่อกว่าล่ะซี้ 55555" แล้วไอ้ชัยก็เดินออกจากห้องไปเหลือแค่ผมกับวิที่เป็นเลขาของไอ้ชัยทำความรู้จักเบื้องต้นกันพอประมาณ
ผม - "วานไรหน่อยดิ ช่วยบอกทางไปห้องนี้ที ......แล้วก็ ช่วยเซ็นต์อนุมัตินี่ด้วยนะ ....นั่นแหละๆ ขอบใจมากสุดสวย อ้อ ส่วนนี่ทิ้งไปได้เลย"
ผมฉีกเอกสารการสมัครงานเป็นรอง ผจก.ฝ่ายประสานงานต่างประเทศทิ้งลงถังขยะแล้วกรอกใบสมัครเป็นพนักงานปกติทั่วไปอย่างรวดเร็วก่อนจะให้วิเซ็นต์
ผมบอกให้วิเก็บเรื่องที่ผมเป็นเพื่อนกับไอ้ชัยไว้เป็นความลับให้ปฏิบัติเหมือนผมเป็นพนักงานธรรมดาทั่วไปซึ่งวิก็ยอมโดยดี ( ต้องเลี้ยงข้าว 2 มื้อ + หนัง 2 รอบ >< )
เวลาต่อมา ณ แผนกขัดตัวเรือน ( ฝ่ายไอซ์ )
ขอนอกเรื่องนิดนึง ( อีกแล้ว 555 )
การไอซ์งานคือการเอากระดาษทราย ( น่าจะเบอร์ 80 นะถ้าจำไม่ผิด ) ขัดวนๆ ลงบนตัวเรือนเครื่องเงินให้เป็นวงกลมอย่างไร้รูปแบบจนทั่ว
จากนั้นก็เอา "หนำเล๊ง" ( อุปกรณ์อย่างนึงคล้ายปากกาแต่ด้ามเป็นเหล็ก ที่มีปลายแหลมเหมือนเข็มเรียกว่าหางหนู ) ขีดวนเป็นกลมๆ ให้เกิดรอยลึก
ถ้าทำแรกๆ จะเมื่อยมือมากกกกก >< แต่พอทำไปๆ ก็เริ่มภูมิใจว่าเราก็ทำสวยดีนะ 5555
และที่ห้องนี้เองที่ทำให้ผมรู้จักกับรุ่นพี่คนนึงชื่อ "ศักดิ์" ที่คอยยิงเลเซอร์ซ่อมงาน แกจะพูดน้อย ยิ้มๆ ฮาๆ แต่หล่อเข้มตามแบบฉบับคนใต้ ( นครศรีธรรมราช )
1
สัปดาห์ต่อมา ผมรู้จักสนิทชิดเชื้อคนอื่นๆ ในแผนกมากขึ้น ( แผนกอื่นก็สนิทนะ ) แถมได้รับความไว้วางใจจากหัวหน้าแผนกให้เป็นคนลงยอดงานเข้าออก
ทุกชิ้นของแผนกเพื่อส่งต่อให้แผนกอื่นต่อไป นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึก .......ปลอดภัยและสงบสุขในการทำงานอย่างแท้จริง
ผม - "พี่ศักดิ์ๆ ช่วยยิงเลเซอร์ซ่อมนี่ที ลบยังไงก็ไม่ออกอ่ะ" ผมยื่นต่างหู 3-4 อันให้พี่ศักดิ์ดูรอยเล็กๆ ที่ลบด้วยกระดาษทรายไม่ออก
พี่ศักดิ์ - "โอ๊ยยยยย ตามด ( ตา - มด - คือ รอยเล็กๆ เป็นจุดๆ บนตัวเรือน ) รึ่มเลยเนี่ย ....พี่ทำงานด่วนแปปนะ เด๋วพี่ยิงให้" พี่ศักดิ์หยิบไปดู
ก่อนจะหันหน้ากลับไปยิงเลเซอร์ซ่อมงานด่วนของแกต่อ ทุกๆ วันงานของผมก็จะวนๆ อยู่กับพี่ศักดิ์ ( เดินไปเดินมาให้แกปวดหัวเล่น ) 
หยอกล้อคนนู๊นบ้างคนนี้บ้างตามประสาผม แล้วก็กลับไปนั่งลงบันทึกยอดต่อ
วันต่อมา พี่คนนึงที่ยิงเลเซอร์ตราตอก ( ยิงเลเซอร์เพื่อให้เป็นรอยตัวหนังสือบนตัวเรือน ) แกลาออกผมเลยต้องไปเรียนรู้และทำหน้าที่แทนเค้า
โชคดีที่ผมเป็นคนเรียนรู้ได้เร็วกว่าคนอื่นๆ ที่มาเรียนอยู่ก่อนหลายวันเลยได้ตำแหน่งนี้ไปครอง 5555 มันก็ไม่ยากและไม่ง่ายอานะ 
แต่ที่แน่ๆ ต้องใช้คอมพ์ขั้นพื้นฐานเป็นจนถึงระดับใช้ได้ดีใช้ได้คล่องเลยทีเดียว รวมทั้งเข้าใจการทำงานของโปรแกรมของเครื่องยิงเลเซอร์ยี่ห้อ Han's Laser
เช้าวันนึง เวลาประมาณ 0810 am ณ ห้องอาหารของบริษัท
ในขณะที่ผมกำลังนั่งคุยกับเพื่อนๆ ในบริษัทก็มีเด็กหนุ่มคาดอายุแล้วว่าคงสัก 15 -16 เดินเข้ามานั่งที่โต๊ะถัดไปด้วยอาการล่อกแล่กเหมือนมองหาใครสักคน
หัวหน้าแผนก - "นั่นน้องเมียไอ้วุฒิป่าววะ หน้าคุ้นๆ .....เฮ๊ย ไอ้หำ มารอไผ ???" ถึงหัวหน้าแผนกของผมจะเป็นคนภาคเหนือก็จริง
แต่เขาก็สามารถพูดภาษาอีสานได้อย่างคล่องแคล่วไม่แพ้ภาษาบ้านเกิดของตัวเอง เด็กหนุ่มคนนั้นตอบกลับเป็นภาษาอีสานอย่างชัดถ่อยชัดคำแล้วเดินมานั่ง
เมื่อถึงเวลาเข้างานผมก็ไปนั่งประจำที่ ( เครื่องยิงเลเซอร์ตราตอก ) ก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างตั้งใจ สักพักหัวหน้าแผนกก็เดินเข้ามาพร้อมกับเด็กหนุ่มคนนั้น
ชื่อ "สิทธิ์" อายุ 14 อยู่ชั้น ม.2 ของโรงเรียนประจำอำเภอแห่งหนึ่งในจังหวัดกาฬสินทร์ พี่สาวของสิทธิ์ชื่อ "อร" และพี่เขยชื่อ "วุฒิ" เป็นช่างขัดตัวเรือนฝีมือดี
ที่อยู่มากับบริษัทนี้มานาน สาเหตุที่สิทธิ์ลงมาทำงานที่นี่ก็เพราะต้องการหาเงินซื้อรถมอไซต์เอาไว้กรีดยาง ( เพิ่งรู้นะว่าที่กาฬสินทร์เค้าปลูกยางกันด้วย -*-a )
ทีแรกผมก็ไม่ปักใจเชื่อสักเท่าไรเพราะดูจากลักษณะของมันแล้วคงจะร้ายพอสมควรแต่คงจะตีเนียนทำตัวเป็นเด็กดีเพราะบางวันผมได้กลิ่นบุหรี่จากตัวมันจางๆ
หลังจากที่รู้จักกันไปได้สักพักผมก็เริ่มขุดคุ้ยพยายามจะแงะสันดานที่แท้จริงของมันออกมาให้ได้แต่ปรากฏว่า .....แม่งเป็นเด็กดีและใสซื่อจริงๆ -*-a
ไอ้สิทธิ์เลยกลายเป็นที่รักใคร่ของทุกคนในแผนก ( แต่ผมอ่ะชอบแกล้งชอบอำมันมากกว่า 555 )
ไอ้สิทธิ์ - "พี่น็อต ....วันนี้อย่างเพิ่งรีบกลับนะ ....อยู่ตีปิงปองกับผมก่อน" ไอ้สิทธิ์เดินถือลูกปิงปองมาหาผมขณะเปลี่ยนเสื้อผ้าเก็บของเข้าล็อคเกอร์
ผม - "อืม วันนี้ไม่ค่อยเพลียสักเท่าไร .....มาๆ ใครแพ้เลี้ยงเป๊ปซี่นะเฟ๊ย" ผมใส่เสื้อแล้วหยิบไม้จากตู้ของเพื่อนเดินกอดคอไอ้สิทธิ์ไปตีปิงปอง
ไอ้สิทธิ์ - "ถ้าผมแพ้ ....ผมให้สองขวดเลยอ่ะ" ไอ้สิทธิ์หันมายิ้มแล้วพูดด้วยสำเนียงภาคกลางที่ฟังกี่ทีก็ตลกด้วยสีหน้าดีใจที่ผมตีปิงปองกับมัน
ตอนนั้นผมยังไม่คิดไรกับมันมากมายน้องจากน้องคนนึงที่ใสซื่อน่าแกล้งน่าอำ จนวันนึงงานยิงเลเซอร์ของผมไม่มีแต่อยากทำโอทีเลยมานั่งไอซ์งานบ้าง
พวกผู้หญิง ( ประมาณ 10 กว่าคน ) ก็จะนั่งอีกกลุ่มนึงส่วนพวกผู้ชาย ( 5 คน เมื่อรวมผมกับไอ้สิทธิ์ก็เป็น 7 ) ก็จะนั่งอีกกลุ่มนึง 
เมื่อผู้ชายนั่งจับกลุ่มคุยกันก็ไม่พ้นเรื่องลงขวดลงรู -*-a พวกเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ก็พูดเรื่องหญิงกันอย่างสนุกสนานมันส์ปากว่าที่นี่ดีอย่างนั้นที่นั่นอย่างนี้
จนไอ้สิทธิ์หยุดไอซ์งานแล้วตั้งใจฟังอย่างออกหน้าออกตานั่งบิดไปบิดมา
ผม - "พี่ก็ว่าไป ไอ้หำมันนั่งควยแข็งแล้วเนี่ย" ผมที่นั่งตรงข้ามกับไอ้สิทธิ์ก็ยันเท้าไปโดนเก้าอี้ของมันแต่ดันเลยพลาดไปโดนกลางเป้าอย่างบังเอิญ ( บังเอิญจริงๆ >< )
ไอ้สิทธิ์ตกใจแล้วยิ้มๆ ขำๆ บอกปฏิเสธ ทุกคนเลยถามๆ แซวๆ มันเล่นว่ามันเคยมีไรกับผู้หญิงหรือยัง ? ชักว่าวเป็นหรือป่าว ? ชักบ่อยไหม ? มีคลิปไรเด็ดๆ มั่ง ?
ไอ้สิทธิ์อึกๆ อักๆ ไปไม่เป็นเลยทีนี้พอโดนคำถามแบบตรงๆ ซะชุดใหญ่ได้แต่หัวเราะ
เช้าวันต่อมาพี่คนนึงขอดูมือแล้วก็แซวว่ามันชักว่าวมาใช่ไหม ? ไอ้สิทธิ์ถึงกับเหวอแดกใบ้กินเลยทีเดียวพยายามจะปฏิเสธแต่โดนคนอื่นไล่บี้จนยอมรับอย่างอายๆ
ทุกคนเลยชอบแซวกันเป็นที่สนุกปากว่าไอ้สิทธิ์ชักว่าวทุกวัน พอพวกผู้หญิงได้ยินก็แซวกันบ้างอย่างสนุกสนานจนได้สิทธิ์อายหน้าแดงไปเลยทั้งวัน
เย็นวันนึงเวลาประมาณ 1730 pm ณ ห้องล็อคเกอร์
ไอ้สิทธิ์ - "พี่น็อต ....ผมถามไรหน่อยดิ พี่ฟ้าเค้ารู้ได้ไงว่าผม ....ชักว่าวมาเมื่อเช้า" ไอ้สิทธิ์ยืนมองดูมือขวาของตัวเองแล้วทำหน้างงๆ ใส่ผม
ผม - "เอ้า แล้วจริงไหมล่ะ ?" ผมเปลี่ยนเสื้อเก็บของเตรียมตัวกลับห้องพัก
ไอ้สิทธิ์ - "แต่บางวันผมก็ไม่ได้ชักนะ .....ชักบ่อยๆ มันจะเป็นรอยหรอพี่ ???" ไอ้สิทธิ์พูดภาษาภาคกลางด้วยสำเนียงเหน่ออย่างเคยๆ จนผมนึกขำ
ผม - "นี่ ....ถ้าลำบากนักก็พูดภาษาอีสานก็ได้ ....พี่ฟังรู้เรื่อง พี่กลับละ" ผมเอากระเป๋าคาดเอวเคาะหัวไอ้สิทธิ์แล้วยิ้มให้มันเลยยกมือไหว้ผม
คงเป็นเพราะผมไม่ได้เจอเด็กใสซื่ออย่างนี้มานานมากเลยเอ็นดูมันเป็นพิเศษ ผมเคยพูดกับมันหลังเล่นปิงปองในช่วงเย็นว่า 
"
เท่าที่ดู ....เอ็งไม่ใช่คนเลวอย่างที่เอ็งคิดหรอก กะอีแค่บุหรี่ ....มัน ....ไม่ได้บ่งบอกว่าเอ็งดูดแล้วจะเป็นคนเลวนิ มันอยู่ที่การปฏิบัติตนกับคนอื่นมากกว่า 
....
เพราะงั้นอย่ามัวโทษตัวเองว่าเป็นคนเลวเพียงแค่ว่าเอ็งดูดบุหรี่ ....พี่ว่า เอ็งเป็นเด็กดีออก ....แต่ดูดน้อยๆ ลงหน่อยก็ดีนะ เด๋วจะตายห่าก่อนได้แมงกะไซต์"
ตั้งแต่นั้นมาไอ้สิทธิ์ก็ติดผมแจเลยทีนี้ ผมไม่ได้พูดออกไปเพียงแค่หวังจะมีอะไรๆ กับมัน แต่ผมพูดออกมาจากใจจริงตามที่ผมเห็น
วันนึงพวกเพื่อนๆ พี่ๆ 6-7 คน ไปเที่ยวที่ห้องพักผม ( ที่อยู่ห่างจากบริษัทไปแค่ 3.7 km ) อย่างกระทันหันซึ่งไอ้สิทธิ์ก็ไปด้วย
พี่ศักดิ์ - "น็อต พี่ถามจริงๆ ....ก่อนหน้านี้เอ็งทำงานไรมาก่อนวะ ???" พี่ศักดิ์ยืนงงหลังจากเข้าไปในห้องพักผมแล้วเจอปืน กระสุน และอุปกรณ์ทางทหารมากมาย
วางกองกันอยู่บนโต๊ะที่มุมห้อง ( แบบว่าเก็บไม่ทันอานะ -*-a ) ส่วนคนอื่นๆ ยืนอึ้งพูดไรกันไม่ออก
ผม - "ลืมไปเลยแฮะว่าพวกพี่จะมากินเหล้าที่ห้องผมกัน .....เอ้า !!! ไหนๆ ก็ไหนๆ ละ ปิดกันไม่อยู่แล้วนี่ จะโกหกหน้าด้านก็ทำไม่ได้อีก ....นั่งก่อนๆ"
ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเก็บข้าวของโยนกองๆ ไว้บนเตียงในห้องแล้วหยิบน้ำส้มเย็นๆ มาเสิร์ฟทุกคน
ผม - "กระผม ....ร้อยตรี สิทธิกร ...( นามสกุล )... จนท.พิเศษของ ...( ชื่อหน่วยงานด้านความมั่นคงแห่งหนึ่ง )... ครับ" ผมหยิบหมวก Adidas สีดำมาใส่แล้วยืนตะเบ๊ะทุกคน
เปิ้ล - "หนูว่าแล้วมันทะแม่งๆ อยู่ ....ลักษณะพี่อ่ะคล้ายแฟนหนูตอนมันเป็นทหารเกณฑ์เลย" น้องคนนึงกล่าวขึ้นมาท่ามกลางความเงียบกริบหลังจากการรายงานตัว
พี่เจน - "พี่ก็ว่างั้น ....ดูมันระเบียบเนี๊ยบเกิน ทั้งท่านั่งท่ายืนท่าเดิน ....แถมเวลากินข้าวมันกินหมดแทบทุกเม็ดไม่เหลือเลย" พี่สาวอีกคนกล่าวเสริม
ผม - "นี่ๆ แล้วมันเกี่ยวไรกับกินข้าวอ่ะพี่เจน เหอะๆ .....เฮ้อออออ ผมอุตส่าห์ไว้ผมยาวแล้วนะเนี่ย ....ผมขอโทษด้วยนะพี่จ่อย พี่ศักดิ์ พี่ฟ้า ทุกคน ...ที่ผมโกหก"
ผมเริ่มเล่าเรื่องย่อๆ ให้ฟังพอที่จะเล่าได้เกี่ยวกับหน้าที่การงานของผมและการปฏิบัติงานครั้งนี้ ผมย้ำและกำชับว่าอย่าไปบอกใครซึ่งทุกคนก็ให้ความร่วมมือกันดี
วันอังคารที่ 6 เมษายน 2010 เวลาประมาณ 1215 pm ณ ห้องอาหารของบริษัท
พี่จ่อย - "น็อต .....พี่ขอคุยไรด้วยหน่อย" หัวหน้าแผนกเดินเข้ามาเรียกผมขณะนั่งกินข้าวอยู่กับเพื่อนๆ อย่างสนุกสนานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ผม - "มีไรรึพี่ ???? ......เหี้ยละ !!!! เค้ามานานยัง ?"
พี่จ่อย - "สักพักละ .....รู้จักกันหรอ ?"
ผม - "รู้จักเป็นอย่างดีเลยล่ะ .....สวัสดีครับผู้พันเชียร ....หวัดดีไอ้สู้"
ผู้พันเชียร - "ขอบคุณมาก ....จากนี้ไปเราขอคุยกันเป็นการส่วนตัวนะ" ผู้พันเชียรที่อยู่ในเครื่องแบบเดินมากอดคอผมทำให้เพื่อนๆ ทุกคนมองกันเป็นจุดเดียว
ไอ้สู้ - "ผมขอเริ่มก่อนนะผู้พัน .....น็อต มึงดูนี่ .....จากแฟ้มรายงายนี้ ....." ไอ้สู้เริ่มบรรยายสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดในไม่อีกกี่ชั่วโมงข้างหน้าให้ผมฟัง
ตามด้วยผู้พันเชียรที่มอบหมายงานชิ้นนึงให้ผมเฝ้าระวังหรือจัดการเป้าหมายระหว่างทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งนี้
ผม - "จะพูดเรื่องที่รู้ๆ กันอยู่ทำไมหน๊อออออ ??? ที่ผมเลือกที่นี่ก็เพราะเรื่องนี้น่ะแหละ .....ทำเลใช้ได้ดีเลยทีเดียว"
ไอ้สู้ - "นี่คือแบบแปลนของตึกสูงๆ โดยรอบในรัศมี 2 km .....และที่สำคัญ .....มึงดูนี่ ....." ไอ้สู้ส่งรูปถ่ายและเอกสารสองสามแผ่นให้ผมแล้วยิ้ม
ไอ้สู้ - "กูกะจะคิดบัญชีแบบรวดเดียวจบเลย .....มึงล่ะว่าไง ???" ไอ้สู้ปิดแฟ้มจุดบุหรี่ดูดแล้วถามผมด้วยสีหน้าจริงจัง
ผม - "แน่นอนอยู่แล้ว กูคงจะปล่อยมันไว้หรอกนะ .....คราวนี้แม่งไม่รอดอย่างคราวก่อนแน่" ผมกับไอ้สู้คุยปรึกษาแผนกันสักพักก็หมดเวลาพักเที่ยง
ผู้พันเชียร - "ดี !!! ....งั้นตกลงตามนี้ ....เอ้อ ระหว่างนี้จะส่งคนมาช่วยกลบเกลื่อนร่องรอยความเคลื่อนไหวให้ ส่วนไอ้สู้ ....." ผู้พันเชียรลุกขึ้นจุดบุหรี่ยืนดูด
ไอ้สู้ - "ผมทราบดีน่าาาา ......เหลี่ยม ช่วงนี้กูจะหายหัวไปสักพักนะ แล้ววว ....เด๋วเจอกัน" ไอ้สู้เอามือแตะไหล่ทำเอาผมใจหายแวบอย่างกับจะไม่ได้เจอมันอีก
เย็นวันนั้น เวลาประมาณ 0545 pm ณ ห้องล็อคเกอร์
ไอ้สิทธิ์ - "พี่น็อต ....วันนี้พี่ว่างป่าว ?" ไอ้สิทธิ์เดินมาหาผมในมือถือโทรศัพท์ยี่ห้อไรไม่รู้ดูไม่คุ้นตาพร้อมเมมโมรี่ ดูจากสีหน้าแล้วคงมีปัญหาแน่ๆ
ผม - "ว่าง ....มีไรหรอ ? ....โทรศัพท์เป็นไรน่ะ ???" ผมวางหมวกกันน็อคแล้วหยิบโทรศัพท์ของไอ้สิทธิ์มาดู
ไอ้สิทธิ์ - "ผมทำเมมร่วงน้ำ แถมเครื่องยังตกอีก ....มันจะพังป่าวน่ะพี่ ?" ผมนั่งลงแล้วเอาโน๊ตบุ๊คเครื่องเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าเป้แล้วลองเช็คเมมโมรี่
ผม - "ไม่รู้ดิ ไม่ใช่ช่าง ....เมมคงไม่เป็นไร ทำให้แห้งหน่อยก็คงใช้ได้ละ  ....อืม เมมยังใช้ได้อยู่ ....โห ไวรัสทั้งนั้นเลยนะ ส่วนตัวเครื่อง ....คงต้องเช็คดูน่ะ"
ไอ้สิทธิ์ - "ซ่อมให้ผมหน่อยนะ" ไอ้สิทธิ์เกาะขาผมทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอ้อนวอนให้ผมซ่อมให้
ผม - "ไอ้บ้า !!! ก็บอกอยู่ว่าไม่ใช่ช่างแล้วจะซ่อม ....ยัง ....ไง ....อ้อ นึกออกละ !!!" ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดเบอร์อย่างรวดเร็ว
ผม - "ซันโว๊ยยยยย !!! มีงานราษฎร์ให้ทำว่ะ"
เวลาต่อมา ณ ห้องพักผมใกล้ๆ กับบริษัท
ไอ้ซัน - "โอเคครับหมวด ....แค่ช็อตนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเอง เด๋วผมจัดการให้" ไอ้ซันหยิบอุปกรณ์ออกมาจิ้มๆ แตะๆ โทรศัพท์มือถือแล้วลงมือซ่อม
ผม - "ส่วนเมมก็ปกติดี แค่สแกนไวรัสนิดหน่อยก็ใช้ได้เหมือนเดิมละ ....ใช้โน๊ตบุ๊คเป็นใช่มะ ? ....กูละเซ็ง" ไอ้สิทธิ์ยิ้มแล้วส่ายหัวผมเลยไปจัดการให้
ไอ้สิทธิ์ - "พี่มีคลิปไรเด็ดๆ มะ ?" หลังจากที่ผมสแกนไวรัสให้เสร็จไอ้สิทธิ์ก็ถามหาคลิปโป๊เลยทันที
ผม - "ไม่มีว่ะ เครื่องนี้ไม่มีไรเลย หัวกลวงมาก ....เฮ๊ย ซัน !!! จัดคลิปเด็ดๆ ให้มันหน่อยดิ๊"
ไอ้ซัน - "ได้ครับหมวด ...รอแปปนึงครับ" ไอ้ซันตอบแบบไม่ได้หันมาแต่ยกนิ้วโอเค หลังจากนั้นไอ้ซันก็ส่งคลิปโป๊ด้วยการบลูทูธส่งให้ไอ้สิทธิ์ไปหลายเรื่อง
ผม - "ดูอย่างเดียวอย่าเหนี่ยวมากนะ เด๋วจะไม่มีแรงไอซ์งานตอนเช้า"
ไอ้สิทธิ์ - "ไหวอยู่แล้ววววว" ไอ้สิทธิ์ทำมือชักว่าวแล้วทำหน้าทะเล้นก่อนเดินขึ้นรถพี่วุฒิที่จอดรออยู่หน้าหอพักของผม
วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน 2010 เวลาประมาณ 0830 pm ณ แผนกไอซ์งานและเลเซอร์
ผม - "ปีนี้อายุเท่าไรแล้วเนี่ยพี่ศักดิ์ 5555"
พี่ศักดิ์ - "โอ๊ยยยยย ไม่เท่าไรเอง .....30 แล้วล่ะมั้ง 5555 เอ้า โชนนนนน !!!" พี่ศักดิ์ชูมือบอกให้ทุกคนกระดกหมดแก้ว
วันนี้วันเกิดพี่ศักดิ์ พี่จ่อย ( หัวหน้าแผนก ) เลยเซเซอร์ไพรส์จัดเลี้ยงตอนทำโอทีซะเลย ( ก็ไอ้ชัยดันให้ไฟเขียวอนุญาตเลยเอาสักหน่อย )
เวลาล่วงเลยจน 1130 pm ทุกคนเลยทะยอยกันกลับบ้าน เหลือแค่พี่จ่อย พี่ศักดิ์ ผมและรุ่นพี่กับรุ่นน้องอีก 3 คนที่ยังดวลกันต่อ
ไอ้หงุ่น - "พี่น็อตแม่งไม่ดกเลยว่ะ ...ดูดิๆ ยุงวางไข่แล้วนั่น 555" รุ่นน้องคนนึงเมาเซมาหาแล้วจับมือให้ผมกระดกจนหมดแก้ว
ผม - "ไอ้เชี่ย !!! กูเพิ่งกดไปหมดแก้วตะกี้เอง สาดดดดด" ผมวางฟอร์มบ่าบเบี่ยงไม่อยากกินเพราะใกล้วันที่ 10 เมษายนเข้าไปทุกทีเลยต้องพร้อมตลอดเวลา
พี่จ่อย - "น็อต พี่วานไปส่งศักดิ์มันหน่อยนะ ท่าทางมันคงจะกลับไม่ไหวแล้วล่ะ"
พี่ศักดิ์ - "ผมไหวน่ะป๋า ดูดิแค่ยืนไม่ค่อยตรงเอง" พี่ศักดิ์ดูอึนๆ มึนๆ กึ่มๆ ยืนไม่ค่อยตรง ส่วนคนอื่นๆ ก็ไม่ต่างกันสักเท่าไรแต่บ้านใกล้บริษัทเลยไม่ใช่ปัญหา
ผม - "เอ่อ ....อ่าาาาา ....โอเคพี่" ผมลังเลอยู่แปปนึงก่อนจะรับปากพี่จ่อย แล้วกดรับแผนที่ไปบ้านพี่ศักดิ์จากโทรศัพท์ของพี่จ่อยยี่ห้อ Nokia E72 ทางบลูทูธ
ผม - "เพชรเกษม 63 หรอ ??? อืมมมม ...ใกล้กับโรงเรียนไอ้แมงสาปพอดีเลยแฮะ ....โอเคพี่ กลับรึยัง ?"
เวลาต่อมา ณ หอพักแห่งหนึ่งย่านเพชรเกษม
ผม - "เห็นตัวแห้งๆ อย่างนี้ ไหง ....หนักจังฟะ ??? ...เอ้า ฮึ๊บบบบบ !!!" ผมแบกพี่ศักดิ์ไปนอนบนโซฟาปุ๊บพี่ศักดิ์ก็อ้วกทันทีทำเอาผมจะอ้วกตามไปด้วย ><
ผมจัดแจงเช็ดปากเช็ดแขนเช็ดคอที่เลอะอ้วกแล้วถูพื้นให้จนสะอาดเรียบร้อยแล้วตะแกก็อ้วกอีก *0*
ผม - "โอ๊ยยยย แล้วผมจะได้กลับมั้ยเนี่ยพี่เอ้ยยยยยยย" คราวนี้พี่ศักดิ์อ้วกบนโซฟาจนเลอะไปหมดแทบทั้งตัวเพราะพี่แกพยายามจะลุกขึ้นนั่ง
ผม - "เอ่อ ....พี่ ....พี่ศักดิ์ พี่จะถอดเสื้อกะกางเกงออกทำแมวไรเนี่ย ???" พี่ศักดิ์พยายามถอดเสื้อกับกางเกงยีนส์ออกอย่างทุลักทุเลด้วยความเมา ( มากกก -*- )
พี่ศักดิ์ - "มานนนน เลอะ ....แถม ....ร้อนว่ะ" ผมเลยปล่อยให้แกถอดเสื้อถอดกางเกงอย่างทุลักทุเลไปตามสบายส่วนผมไปเอาพัดลมมาเปิดให้แก
กลับมาอีกทีพี่ศักดิ์ก็ปลดกระดุมเสื้อออกจนหมดทุกเม็ดเผยให้เห็นเสื้อกล้ามสีขาวและแผงอก ส่วนกางเกงยีนส์ก็ถูกดึงลงไปกองอยู่ที่หน้าขา
ทำให้เห็นบ็อกเซอร์สีเทาและอะไรๆ ที่มันกำลังนอนสงบซ่อนตัวนูนเป็นลำอยู่ในนั้นลางๆ ทำเอาผมใจสั่นรีบหาผ้าอะไรมาปิดให้พี่แก
พอหาผ้าได้อะไรๆ ของพี่ศักดิ์จากที่นอนสงบอยู่ก็ตื่นตัวเต็มที่อย่างเห็นได้ชัดจนนูนขึ้นมาเป็นลำพาดขึ้นมาทางซ้ายมือของพี่เค้าเอง
ผมที่กำลังมึนๆ อึนๆ เพราะฤทธิ์หงษ์ทองก็ออกแนวลังเลเล็กน้อยว่าจะ "ปิด" หรือ "ไม่ปิด" ดีหว่า ???? เอ ....หรือจะลองถอดดูเลยดีหว่า ??? เอ๊ย ไม่ๆๆ ><
เอาน่ะพี่เค้าเมาสลบอยู่คงไม่รู้เรื่องหรอกน่าส่วนเราเองก็เมา ( นิดหน่อย ) ....สักนิดสักหน่อยคงไม่ว่ากันนะพี่ศักดิ์ 5555
และแล้วร่างมารผมก็ปรากฎกายจนได้ เหอะๆ ผมเอื้อมมือไปจับเป้าของพี่ศักดิ์ที่กำลังตื่นตัวเต็มที่ตุงนูนขึ้นมาเป็นลำยาวซ่อนตัวอยู่ในบ็อกเซอร์สีเทาอย่างเบามือ
ลำท่อนของพี่ศักดิ์มีการกระตุกตอบรับเล็กน้อยทันทีที่ถูกมือผมสัมผัส ผมมองหน้าพี่ศักดิ์ ....โอเค เซฟ !!! >< เลยย่ามใจจับอย่างเต็มไม้เต็มมือกำหมับจนลำท่อน
ของพี่ศักดิ์กระตุกอีกรอบ ตอนนั้นผมหน้ามืดไม่สนแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ผมดึงบ็อกเซอร์สีเทาของพี่ศักดิ์ลงแล้วกำรูดดูดลำท่อนของพี่ศักดิ์อย่างเมามันส์
จนพี่ศักดิ์เกร็งหน้าท้องครางอื้ออ้าแต่ก็ยังหลับอยู่เหมือนเดิม ผมเริ่มไม่แน่ใจว่าพี่เค้าหลับจริงหรือป่าวเลยทดสอบอะไรสองสามอย่าง ....โอเค แกหลับจริง !!!
ลำท่อนของพี่ศักดิ์คงจะสัก 7" กว่า ( ใหญ่ยาวตามแบบฉบับคนใต้ ) หัวบานสีไม่ค่อยคล้ำตั้งตรงไม่งอพวงไข่เรียงชิดติดกันยานห้อยลงไปไม่มากมีเส้นเลือดปูดนิดๆ
ผมอมรูดดูดลำท่อนพลางดูดไซร้ไล่ลิ้นไปทั่วทั้งหน้าท้องและแผงหน้าอกของพี่ศักดิ์จนตัวเกร็งไปหมด ผมได้ทีต่อไปเลยยาวๆ เมื่อพี่ศักดิ์ดูมีอารมณ์ร่วม
จัดการอมรูดดูดไซร้ไล่ลิ้นจนทั่วทั้งพวงไข่และลำท่อน ส่วนพี่ศักดิ์ก็ได้แต่นอนเกร็งครางอื้ออ้าซี๊ดซ๊าดเล็กๆ ผมอมรูดดูดลำท่อนแบบเน้นๆ ติดต่อกันอยู่นาน
สักพักพี่ศักดิ์ก็ครางอื้ออ้าเสียงดังเกร็งไปหมดทั้งตัวลำท่อนกระตุกหงึกๆ ในปากของผม 2-3 ทีก่อนจะปล่อยน้ำออกมายรดหน้าท้องหน้าขาของตัวเองมากมาย
ผมรู้สึกละอายนิดๆ ที่ทำแบบนั้นกับพี่ศักดิ์ ....แต่ก็ ....ช่างเถอะ ก็กูเมานี่หว่า !!! 5555 
ผมจัดการให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางอย่างที่มันควรจะเป็นแล้วรีบเอารถกลับไปคืนพี่จ่อยที่บริษัท
ทันทีที่ผมเข้าไปในตัวอาคารขนผมลุกซู่ขึ้นมาทันทีที่ได้กลิ่นๆ นึงที่คุ้นเคย ....กลิ่นคาวเลือด !!! ( แม่บ้านคนนึงถูกมีดปาดคอจนเสียชีวิต )
ผมรีบดึงมีดพับจากข้อเท้าขวาแล้วกดโทรศัพท์หาพี่จ่อยทันทีแต่ ....สัญญาณถูกรบกวน !!! ทำให้ผมติดต่อใครไม่ได้สักคน
ผมรีบวิ่งไปหายามเฝ้าประตูด้านหน้าที่เพิ่งผ่านเข้ามาเมื่อตะกี้หวังจะขอความช่วยเหลือแต่ก็ไม่ทันการ ....ยามทั้งสองคนเสียชีวิตแล้ว
ผมหยิบกระบองทอนฟ่าของยามมาถือไว้ที่มือข้างขวาแล้วข้างซ้ายก็ถือมีดเดินเข้าตัวตึกอีกครั้ง
ทันทีที่ผมเดินเลี้ยวซ้ายกำลังจะขึ้นบันไดไปชั้นสองก็มีชายชุดดำจู่โจมผมทันทีอย่างรวดเร็วด้วยมีด ผมยกกระบองทอนฟ่าขึ้นกันแล้วก้มตัวเอามีดพับในมือซ้าย
หมายจะแทงหน้าขาขวาของมัน แต่มันกลับกระโดดหมุนตัวหลบออกไปทางซ้ายมือผมเลยหมุนตัวจรเข้ฟาดหางด้วยเท้าขวาตามทำให้มันโดนเข้าไปอย่างจัง
จนล้มหน้าทิ่ม ชายชุดดำพลิกตัวหมุนขึ้นมาอย่างรวดเร็วแล้วระดมแทงฟันใส่ผมอย่างรวดเร็วด้วยมีดทั้งสองเล่มในมืออย่างคล่องแคล่ว
ผมยกทอนฟ่ากันมีดจากมือขวาของมันที่หมุนตัวมาจะฟันคอผมแล้วเอาเท้าขวาถีบข้อพับขาขวาของมันจนทรุดแล้วออกแรงดันทอนฟ่าในมือขวาของผม
จนมือขวาที่ถือมีดของมันติดกำแพงผมได้โอกาสจึงเอามีดพับของตัวเองในมือซ้ายแทงเข้าแขนขวาของมันจนมิดด้าม
ชายชุดดำร้องอ๊ากด้วยความเจ็บก่อนจะเหวี่ยงมีดในมือซ้ายขึ้นมาหมายจะแทงหน้าผม ผมจึงยกทอนฟ่าขึ้นฟาดมือซ้ายของมันสวนกลับไป
แล้วฟาดหน้าจนมันมึนก่อนจะรวบแขนทั้งสองข้างของมันเข้ามาสอดที่ใต้รักแร้ข้างขวาของผมแล้วเอาออกแรงงัดขึ้นอย่างสุดแรงจนมีดมันหลุดมือทั้งสองเล่ม 
ผมใช้ส้นเท้าขวาเขี่ยมีดทั้งสองเล่มนั้นให้ไปไกลๆ แล้วใช้ฝ่ามือซ้ายกระแทกเสยปลายคางไปหนึ่งทีแรงๆ ก่อนจะใช้สันมือสับเข้าลำคอด้านขวาของมันไปอีกที
ชายชุดดำเอาหัวโขกผมอย่างแรงจนมึนแล้วพยายามจะโขกซ้ำอีกทีแต่ผมเอาศอกซ้ายรับแล้วเอื้อมข้ามแขนทั้งสองข้างของมันที่โดนล็อคอยู่ใต้รักแร้ขวาของผม
ไปจับที่เข็มขัด ผมออกแรงดึงเอาขาขวาขัดแล้วเหวี่ยงจนมันปลิวหมุนทะลุกระจกเข้าไปในห้องแต่งตัวเรือน
ชายชุดดำลุกขึ้นแบบเซๆ ชักปืนที่ใส่ตัวเก็บเสียงขึ้นมาแล้วยิงใส่ผมเป็นชุดโชคดีที่ผมกลิ้งตัวหลบใต้โต๊ะจุดตัวได้ทัน
ผม - "ขี้โกงนี่หว่า !!! เก่งจริงมาดวลมีดกันต่อเด่ะวะ" ชายชุดดำไม่พูดพร่ำทำเพลงยิงกดดันใส่ผมแบบไม่ให้พักหายใจหายคอกันมั่งเลย
ผมไม่ทันได้สังเกตุว่าไอ้ตรงที่ผมหลบอยู่มีถังดับเพลิงขนาดกำลังพอดีเหมาะสำหรับที่จะต้อนให้ผมออกมาจากตรงนั้น
ผมกระโดดออกมาแทบไม่ทันรู้สึกเหมือนโดนถีบแรงๆ จนปลิวกลิ้งไปตามทางเดิน ชายชุดดำเล็งมาทางผมแล้วกระสุนก็หมดจึงรีบล้วงกระเป๋าหาแมกกาซีน
ผมลุกขึ้นวิ่งอย่างสุดฝีเท้าแล้วปาทอนฟ่าใส่เพื่อเบี่ยงเบนไม่ให้มันเปลี่ยนแมกกาซีนได้ทันก่อนที่ผมจะถึงตัวแล้วเข้าไปซัดมันจนหมอบคาตีน
โชคดีที่ผมถึงตัวมันก่อนมันจึงสลบคาตีนผมในที่สุด ผมดึงผ้าคลุมของชายชุดดำออกก็ต้องตกใจมากมาย
ผม - "....อิสลาม !!?? ....คนอาหรับ !!?? .....เหี้ยละกู !!!"
หลังจากเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน 2010 ผ่านไป ความรุนแรงก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง แต่กลับขยายขอบเขตออกไปเรื่อยๆ ในหลายๆ พื้นที่ของกรุงเทพ
อีกทั้งฝ่ายข่าวได้ยืนยันมาแล้วว่า "ราชิด" ( Vol.45 - Burning Noah ) โจทย์อันดับ 1 ของผมมีส่วนร่วมต่อการสร้างวุ่นวายในการชุมนุมครั้งนี้อีกด้วย
ทำให้ผมต้องอยู่ที่บริษัทนี้ต่อเพื่อเตรียมรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า ผมเกือบจะเรียกมันว่า .....สงครามกลางเมือง ( ไทย )
ช่วงกลางวันผมทำงานเป็นพนักงานบริษัทจิวเวรี่ ตำแหน่งยิงเลเซอร์ แต่ช่วงกลางคืนผมรับหน้าที่อย่างอื่น .....อย่างที่เคยทำๆ มาตลอดหลายปี
*********************************
BY :  XIII Post : 2010-08-09

No comments:

Post a Comment