Saturday, 15 January 2011

บทที่ 42 " ถ้ำเสือ "

ย้อนไปเมื่อหลายวันก่อนช่วงปลายเดือนตุลาคม 2009 .......
วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม 2009 เวลาประมาณ 0140 am ณ ดาดฟ้าของโรงแรมแห่งนึงใน จ.ประจวบคีรีขันธ์
??? - "
ขอโทษครับผู้หมวด .....ผมว่าผู้หมวดควรจะพักผ่อนได้แล้วนะครับ .....ผู้หมวดยังไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อวานเลยนี่" 
ผมยืนกินลมชมดาวบนดาดฟ้าแห่งนี้อยู่นานจนลูกน้องขึ้นมาตามให้ลงไปพักผ่อน
ผม - "วีออสคันนั้นจอดอยู่นานละ แถมคนขับก็ไม่ได้ลงไปไหน .....ส่งคนลงไปเช็คแล้วทำประวัติซะ ....เอา EOD ไปด้วยก็ดี จัดการให้เรียบร้อยนะ"
ผมยื่นกล้องส่องทางไกลให้ลูกน้องแล้วเดินกลับลงไปที่ห้องพัก เมื่อหลายวันก่อนผม,ไอ้สู้และนิโอ๊ะต่างแยกย้ายกันหาข่าวของไอ้ยูแบบหามรุ่งหามค่ำ
แต่ก็คว้าน้ำเหลว ไม่รู้ว่ามันไปกบดานอยู่ที่ไหนหรือกำลังทำอะไร ตอนแรกผมกะจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับงานประชุมอาเซียนนี่หรอก แต่ก็อดนึกถึงสิ่งที่ Victor 
มันพูดไว้ไม่ได้เลยขอมีเอี่ยวกับการประชุมครั้งนี้ด้วย ( พร้อมกับลูกน้องคนสนิทฝีมือดีที่คัดมาเป็นพิเศษอีก 6 นาย )
ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้าที่สะสมมาหลายวันจนหลับไปในที่สุด แล้วผมก็ตกใจตื่นเพราะโทรศัพท์มันสั่นอยู่ที่เอว
ผม - ".....MMS ??? .....ทักหรอ ???" ทักส่ง MMS รูปการ์ตูนมาให้กำลังใจผม ผมเลยอัดเสียงตัวเองส่งกลับไป "นี่มันกี่โมงแล้ววะ ? คนจะหลับจะนอน ...thx"
??? - "
หวานหวีดจังโว๊ย" เสียงผู้ชายคนนึงดังมาจากห้องน้ำ เขาเดินออกมาถอดเสื้อนอกโยนลงที่เก้าอี้แล้วเอาปืนซุกไว้ใต้หมอนก่อนจะเดินมาขยี้หัวผมเล่น
ผม - "อ้าว นึกว่าพี่หลับไปแล้วซะอีกพี่เอ" ผมถอดเสื้อนอกออกแล้วเอาปืนซุกไว้ใต้หมอนเช่นกัน
พี่เอ - "เฮ้อออ ก็ไอ้น้องชายตัวดีมันยังไม่ยอมลงมาจากดาดฟ้านี่นา แล้วพี่ที่ไหนจะหลับลงล่ะ ...หึ๊" พี่เอเดินมากอดคอผมแล้วกลับไปนอนเล่น BB ที่เตียง
ผมกับพี่เอนอนคุยปรึกษากันเรื่องงานจนผมเผลอหลับไปแบบไม่รู้ตัว
เช้าตรู่วันต่อมา
ผมได้เจอกับคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอโดยบังเอิญที่ lobby นั่นคือ "พี่เอก" ( ตำรวจรูปหล่อที่เคยให้เบอร์ผมในวันสงกรานต์ - กาลครั้งหนึ่ง ภาค 2 ตอนที่ 9 )
พี่เอก - "เด๋วนี้อินเทรนด์หมีแพนด้ากับเค้าด้วยหรอ ? 555" พี่เอกเอามือมาแตะตาผมที่คล้ำนิดหน่อยจากการอดหลับอดนอนมาหลายวัน
ผม - "อินทรงอินเทรนด์ไรล่ะ เหอะๆ ....แล้วพี่มาทำไรเนี่ย ? ....อ๋อ รู้ละ" ผมมองบัตรที่พี่เอกห้อยคอเลยรู้ว่าแกมาทำอะไร ผมกับพี่เอกเจอกันเมื่อวันสงกรานต์
ที่ปั๊มแห่งนึงขณะจอดรถพักเข้าห้องน้ำ ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่เจอพี่เค้าอีกเลย ( ไม่ได้มีไรกันในห้องน้ำนะ เหอะๆ -*-a ) พี่เอกแนะนำให้ผมรู้จักกับเพื่อนแก
อีก 3 คน ผมยกมือไหว้ตามประสารุ่นน้องทำความเคารพรุ่นพี่โดยไม่คิดอะไรมากมาย ( ตอนนี้น่ะไม่คิดแต่หลังจากนี้นี่ซิ 5555 )
??? - "
คุ้นๆ เหมือนเคยเจอหน้าแม่งว่ะ" เพื่อนพี่เอกที่ชื่อ "คมสันต์" หันไปกระซิบเพื่อนพี่เอกอีกคนที่ชื่อ "พิสิษฐ์" ( เสือกได้ยินอีกแน่ะกู -*-a )
พี่พิสิษฐ์ - "เออว่ะ .....ไอ้น้อง งานวันตำรวจที่สามพรานเอ็งได้ไปป่าววะ ?" จะว่าไปผมก็คุ้นๆ อยู่เหมือนกันแต่ไม่ได้ใส่ใจไรมากมาย
ผม - ".....ครับ ไป" กะว่าจะปฏิเสธแต่ปากมันเสือกพูดออกไปแบบนั้น -.-a ผมเลยนึกออกจนได้ว่าเคยเจอ 2 คนนั้นในห้องน้ำ ( หลังจากนั้นทักก็ตามเข้ามา )
ผมกับพวกพี่เอกพูดคุยกันอยู่แปปนึงก่อนจะแยกย้ายกันไปปฏิบัติหน้าที่ แต่ก่อนไปพี่เอกขอเบอร์โทรศัพท์ผมไปด้วยเผื่อนัดกันไปก๊งหลังเลิกงานประชุม
เวลาต่อมา ณ ห้องอาหารของ จนท.
พี่พิสิษฐ์ - "ไอ้น้อง นั่งด้วยดิ" พี่พิสิษฐ์เดินถือจานข้าวมายืนข้างโต๊ะผม
ผม - "ได้เลยพี่ เชิญเลย .....แล้วพี่เอกกับคนอื่นล่ะ ?"
พี่พิสิษฐ์ - "มัวม่อนักข่าวอยู่น่ะ" พี่พิสิษฐ์ชวนผมคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้จนหัวหน้ามาเรียกตัว
ผม - "ว่าไง ได้เรื่องไรมั่ง ? .....หรอ .....อืม คิดอยู่เหมือนกัน .....เงียบสงบว่ะ .....ยังเลย กูโทรไปก็ไม่ติด .....หรอ คงงั้นแหละ 555 โอเคๆ ระวังตัวด้วยนะนิโอ๊ะ"
2
วันแล้วที่ผมติดต่อไอ้สู้ไม่ได้แต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติสำหรับไอ้สู้ที่ชอบปิดมือถือขณะหาข่าว
พี่เอ - ".....น็อต .....มันแปลกๆ ว่ะ .....พวกบอร์ดี้การ์ด .....ว่ามะ ?" พี่เอเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ ขณะที่ผมยืนดูผู้นำจากหลายๆ ประเทศเดินผ่านไป
ผม - "ฮื่อ นั่นดิ ......ตะหงิดๆ อยู่เหมือนกัน แต่ยังนึกไม่ออก" ผมมองเหล่าบอร์ดี้การ์ดที่อยู่รอบบริเวณนั้นแล้วช็อตโน๊ตอย่างละเอียดถี่ถ้วนหมดทุกคน
พี่เอ - "ทุกคนระวังตัวด้วยนะ ถ้ามีอะไรให้รีบรายงานกลับมาทันที" พี่เอ ว. บอกลูกทีมทุกคนให้ทราบถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น แล้วผมก็นึกออกจนได้
ผม - "......พี่เอ .....จำนวนบอร์ดี้การ์ดตอนออกไปกับตอนเข้ามาไม่เท่ากัน .....เกินมาคนนึง"
พี่เอ - "คงมีการเพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัยให้มากขึ้น .....แต่เพื่อความชัวว์ .....ไปเช็คที" ผมแอบถ่ายรูปบอร์ดี้การ์ดทุกคนในบริเวณนั้น
ผมกดโทรศัพท์หาพี่เอกเพื่อขอความช่วยเหลือแต่พี่เอกไม่ว่างเลยส่งพี่พิสิษฐ์มาแทน
พี่พิสิษฐ์ - "มีไรหรอวะ ? .....เรื่องคอขาดบาดตายหรือไง ?" พี่พิสิษฐ์ไขกุญแจเปิดห้องด้วยสีหน้าแปลกใจแล้วหยิบแฟ้มเอกสารมาให้ผม
ผม - "ผมก็ยังไม่แน่ใจ 100% หรอกนะพี่ .....แต่เพื่อความชัวว์น่ะ" ผมหยิบมือถือออกมาต่อกับ note book ที่อยู่บนโต๊ะแล้วเปิดดูรูปบอร์ดี้การ์ดที่ถ่ายมา
ผม - "พี่บอกว่าพี่รู้จักกับบอร์ดี้การ์ดทุกคนใช่มะ ? งั้นช่วยบอกทีว่าคนไหนที่พี่ไม่รู้จัก" ผมเช็คแฟ้มเอกสารเหล่านั้นเพื่อดูประวัติการทำงานของบอร์ดี้การ์ด
ผมได้ยินเสียงพี่พิสิษฐ์กดเมาส์ถี่ๆ ซ้ำไปซ้ำมาเลยหันไปมอง
พี่พิสิษฐ์ - "ถึงจะไม่ค่อยได้คุยไรกันมากมายแต่ก็ .....คนนี้ ....หน้าไม่คุ้นเลยว่ะ"
ผม - "ชัวว์ป่าวพี่ ?"
พี่พิสิษฐ์ - "ชัวว์ว่ะ ไม่มีใครรู้เรื่องเลยหรอวะ ?" พี่พิสิษฐ์รีบกด ว. ทันที
??? - "
มีอะไรรึ ? .....ผู้กองพิสิษฐ์ ??? .....คุณก็รู้นะว่าเอกสารพวกนั้นห้ามให้บุคคลภายนอกดู" เสียงชายหนุ่มวัยกลางคนในชุดสูทสีดำที่ดูสง่าและเยือกเย็น
เปิดประตูเข้ามาพูดแล้วเดินเข้ามาที่โต๊ะหัน note book ไปดู
พี่พิสิษฐ์ - "ขอโทษครับท่าน แต่พอดีผม .....สงสัยเกี่ยวกับเรื่องของบอร์ดี้การ์ดน่ะครับ ก็เลย ......"
??? - "
อ๋อ คนนี้ใช่มะ ? เป็นความคิดของผมเองแหละ ผมเห็นคนฝีมือดีทีไรก็อดใจไว้ไม่ได้ที่จะดึงเอามาร่วมงานโดยกระทันหันน่ะ หวังว่าผู้กองคงเข้าใจนะ"
พี่พิสิษฐ์ - "ครับ แต่ว่า ......." ชายคนนั้นเดินไปกอดคอพี่พิสิษฐ์แล้วเอานิ้วจิ้มที่ไหล่ขวา
??? - "
เด๋วผมจะรายงานผู้ใหญ่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของผู้กองเองว่า ....ยอดเยี่ยมมาก .....ท่าทางจะได้ดาวเพิ่มอีกดวงนึงแน่ๆ" 
พี่พิสิษฐ์ - "เอ่อ ไม่ใช่ผมหรอกครับที่เห็นถึงความผิดปกติเหล่านั้น แต่เป็นเค้าต่างหาก"
??? - "
แล้วพ่อหนุ่มนี่เป็นใครกันล่ะ ? ช่างสังเกตุดีจริงๆ" พี่พิสิษฐ์รีบเก็บแฟ้มเอกสารแล้วส่งคืนมือถือให้ผม
ผม - "กระผมร้อยตรี ...( ชื่อ-นามสกุล )... จาก ...( ชื่อกรมต้นสังกัดของผม )... ครับ" ผมยืนตรงตะเบ๊ะรายงานยศชื่อกับผู้ชายคนนั้น
??? - "......
เราเคยเจอกันมาก่อนรึป่าวพ่อหนุ่ม ?"
ผม - "ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ แต่ผมคิดว่าไม่"
??? - "
แล้วทำไมถึงสงสัยเรื่องนี้ล่ะ ? ทั้งๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ของเธอนี่" ชายคนนั้นเดินไปนั่งไขว่ห้างที่โต๊ะแล้วมองผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
ผม - "ใช่ครับ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับหน้าที่ที่ผมได้รับมอบหมายเลยสักนิด แต่ถ้าในฐานะ จนท. ของ Dagger Chamber ล่ะก็ .....เกี่ยวข้องเต็มๆ เลยล่ะครับท่าน"
สีหน้าของชายคนนั้นเปลี่ยนไปทันทีจากยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นนิ่งสงบและเยือกเย็น ผมรู้สึกได้ถึงการคุกขามทางสายตาจากชายคนนั้นจนมือผมสั่นไปหมด
??? - "
ชื่อหน่วยงานไหนล่ะนั่น ? ไม่เคยได้ยินแฮะ ....แต่เอาเถอะ ผมถือว่าพวกคุณทั้งสองคนปฏิบัติหน้าที่ได้ดีมาก แล้วจะรายงานผู้ใหญ่ให้นะ เชิญ"
ชายคนนั้นยกมือชี้ไปที่ประตู ผมกับพี่พิสิษฐ์เลยยืนตรงทำความเคารพก่อนจะหันหลังกลับไป
ผม - "อ้อ ขอโทษครับท่าน ผมเกือบลืมคำถามสำคัญครับ ....ขออนุญาตถามครับ" ผมหันหลังกลับมาถามชายคนนั้น
??? - "
ได้ซิ เชิญเลย"
ผม - "มีบอร์ดี้การ์ดบางคนไม่เคยเรียนหลักสูตร Ranger, AT หรือ Bodyguard Training Course ....แล้วท่านใช้อะไรเป็นหลักเกณฑ์ในการคัดคนครับท่าน ?"
??? - "......
หัวใจและสมอง" ชายคนนั้นเอามือขวาทุบหน้าอกและชี้ที่หัวตัวเอง
กลางดึกวันเดียวกัน ณ ห้องพักของผมกับพี่เอ
นิโอ๊ะ - "มีความเป็นไปได้สูงที่ตาแก่นั่นอาจจะมีความเกี่ยวโยงกับสิ่งที่เราตามหาอยู่ ....ดูนี่ซิ" นิโอ๊ะที่รีบตามมาสบทบหลังจากได้ฟังเรื่องราวจากผม
ก็โยน Flash Drive ให้ ผมรับแล้วต่อกับ note book เพื่อเปิดดูไฟล์ MP4
ผม - "เรื่องจริงผ่านจอวันนี้ ขอเสนอเรื่อง .......สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้ง 7"
นิโอ๊ะ - "555 คิดได้ไงวะ ?"
พี่เอ - "แล้วใครเป็นเจ้าชายมาจุมพิตสโนว์ไวท์ล่ะ ?"
ผม - "นั่นไง เจ้าชายมาละ ......จุมพิตซะดูดดื่มเลือดผล่านเชียว ......ตายเรียบ"
พี่เอ - "ได้มายังไงวะไอ้บัง ?"
นิโอ๊ะ - "ได้มาจากผู้มีพระคุณท่านนึงที่อยู่อีสานน่ะครับ ......ผู้พันดูต่อซิ ใกล้จะถึงไคลแมกซ์ละ" ผมกับพี่เอตั้งใจดูนิทานเรื่องนี้กันต่ออย่างตั้งใจ
ผม - "คนแคระทรยศสโนว์ไวท์ ???"
พี่เอ - "เข้าใจคิดนี่ ส่งสายเข้าไปอยู่กับเป้าหมายเพื่อปฏิบัติงานได้สะดวกขึ้น"
ผม - "คนใหญ่คนโตระดับนี้ไม่รู้ตัวเลยรึไงวะ ???"
นิโอ๊ะ - "ถูกต้อง ปกติคนใหญ่คนโตระดับนี้ต้องรู้ตัวแล้วล่ะเพราะเส้นสายเค้าเยอะ แต่เพราะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจบางหน่วยช่วยกันปิดหูปิดตาไงล่ะถึงสำเร็จ"
พี่เอ - "ลงขัน ???"
นิโอ๊ะ - "นั่นก็อยู่ในการสัณนิฐานของผมเหมือนกันครับ แต่ที่ผมคิดไว้ก็คือ ....."
ผม - "เชือดไก่ให้ลิงดู .....อะไรมันจะเหมาะเจาะขนาดนั้น ดูเด่ะ ....นั่นก็ด้วย"
พี่เอ - "ใช่ มุมกล้องถ่ายเอาไว้ให้เห็นแบบจะๆ เพื่อแสดงเจตนาต่อผู้ดูให้รับรู้ถึงผลที่จะตามมา .....ขัดแย้งกันหรอ ?" พวกผม 3 คนนั่งเงียบไม่พูดอะไร
ผม - "ผมพอจะรู้จักลูกน้องของตาแก่นั่นอยู่บ้าง อาจได้ไรเพิ่มเติมมั่งก็ได้" ผมกดโทรศัพท์หาพี่พิสิษฐ์ทันทีแล้วนัดพี่เค้าไปก๊งกัน
เวลาต่อมา ณ ร้านอาหารร้านนึง
ผมกับพี่พิสิษฐ์นั่งคุยนั่งกินข้าวต่อด้วยเหล้ากันพอประมาณก่อนที่ผมจะวกไปเรื่องงานแล้วลัดเลาะไปเรื่องของตาแก่นั่น ถึงพี่พิสิษฐ์จะไม่รู้อะไรมากมาย
เกี่ยวกับตาแก่นั่นแต่ผมก็ได้ข้อมูลเด็ดๆ มาพอสมควร พอเหล้าเข้าปากผมก็ชักสนใจพี่พิสิษฐ์ขึ้นมาหน่อยๆ แล้วซิทีนี้จากที่ไม่เคยสนใจ 55555
ก็พี่แกทั้งหล่อทั้งเท่สูงหุ่นดีซะขนาดนั้น ใครรึจะไม่ชอบ เอิ๊กๆ พี่พิสิษฐ์ถามเรื่องส่วนตัวของผมไปเรื่อยเปื่อยดูเหมือนจะสนใจผมเป็นพิเศษ ( คิดเอาเอง -*-a )
พี่พิสิษฐ์ - "ถามจริง เอ็งนัดพี่ออกมากินข้าว ....แล้วก็มอมเหล้านี่ ....เอ็งคิดอะไรกับพี่ป่าววะ ?" พี่พิสิษฐ์นั่งหน้าแดงตาหวานเยิ้มคงจะกึ่มๆ แล้วล่ะ
ผม - "ผมคิดอยู่ 2 อย่าง ..... ข้อแรก หาข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมายให้ได้มากที่สุดจากแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเป้าหมาย .....นั่นก็คือ พี่"
พี่พิสิษฐ์ - "กะแล้วเชียว .....ทหารนี่แม่งไว้ใจไม่ค่อยได้เลยว่ะ 5555"
ผม - "นั่นก็ขึ้นอยู่กับมุมมองอานะ แต่ผมคิดว่าตำรวจก็คงไม่ต่างกันสักเท่าไร"
พี่พิสิษฐ์ - "งั้นข้อแรกก็เป็นโมฆะแล้วล่ะ เพราะพี่ไม่ยอมขายนายตัวเองให้ใครแน่ๆ แล้วข้อที่ 2 ล่ะ ?"
ผม - "ผมเป็นคนรักอิสระ .....ไม่ชอบให้ใครมาบังคับหรือตามตูดต้อยๆ .....สั่งให้ลูกน้องพี่กลับไปซะ ก่อนที่ผมจะรมณ์เสีย"
พี่พิสิษฐ์ - "อ้าว ไม่ใช่คนของเอ็งหรอกหรอ ?"
ผม - "ไม่ใช่" กว่าผมและพี่พิสิษฐ์จะสลัดพวกที่ตามมาได้ให้หลุดก็เกือบครึ่งชั่วโมง พี่พิสิษฐ์จอดรถหลบในซอยเล็กๆ แห่งนึงที่ลับตาคนเพื่อดูให้แน่ใจ
พี่พิสิษฐ์เล่าให้ผมฟังว่าเค้ากำลังโดนพวกมาเฟียมีสีจ้องเล่นงานอยู่ ก่อนกลับโรงแรมพี่พิสิษฐ์ขอแวะไปเอาของที่บ้านหลังนึง ( กึ่งบ้านพักกึ่งฐานปฏิบัติการ )
บ้านหลังนั้นมีแค่ตำรวจหนุ่มชั้นประทวนที่ดูแลอยู่เพียงคนเดียว ระหว่างที่ผมรอพี่พิสิษฐ์อยู่ข้างล่างนั้นผมก็ชวนตำรวจหนุ่มที่นั่งอยู่หน้าคอมพ์คุยเรื่องงาน
สักพักพี่พิสิษฐ์เรียกผมให้ขึ้นไปดูอะไรบางอย่าง พอเปิดประตูห้องเข้าไปผมก็ตกใจเพราะพี่พิสิษฐ์ใส่แค่ผ้าขนหนูเพียงผืนเดียว ( ทำอย่างกับไม่เคยเห็นแน่ะกู )
พี่พิสิษฐ์ - "นี่คือสิ่งที่เอ็งอยากรู้" พี่พิสิษฐ์โยนแฟ้มเอกสารให้ผม
ผม - "ไหนบอกจะไม่ขายนายไง ?" ผมรับแฟ้มเอกสารนั่นแล้วนั่งอ่านที่เก้าอี้
พี่พิสิษฐ์ - "แค่สงสัยไรนิดหน่อย ......อาบน้ำดีกว่าว่ะ อาบป่าว ?" ผมก้มหน้าอ่านเอกสารในแฟ้มพลางยกมือปฏิเสธ พี่พิสิษฐ์ยิ้มแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
ผมเหลือบไปเห็น Fax เลยใช้ซะเลย หุๆ สักแปปนิโอ๊ะโทรมายืนยันว่าได้รับ Fax พวกนั้นแล้ว พอพี่พิสิษฐ์อาบน้ำเสร็จก็ออกมายืนที่ตู้เสื้อผ้า พี่พิสิษฐ์แกเล่น
ถอดผ้าขนหนูออกจนโป๊เปลือยแล้วค่อยใส่กางเกงในผมก็เลยเห็นอะไรต่อมิอะไรหมดเลย >< ( ไม่จ้องนะแค่เหลือบๆ -.-a ) 
พี่พิสิษฐ์ - "ไม่ถือสานะ"
ผม - "ตามสบาย" 
พี่พิสิษฐ์ - "ไม่ถือสาที่พี่จะคิดค่าข่าวสารใช่มะ ?" พี่พิสิษฐ์เดินมายืนข้างๆ ผมแล้วโอบไหล่
ผม - "เหอะๆ ว่าแล้วเชียว" พี่พิสิษฐ์ก้มลงมากอดไซร้คอแล้วดึงตัวผมลุกขึ้นยืน พี่พิสิษฐ์โอบกอดพลางดูดปากไซร้คอแล้วพาผมไปนอนบนเตียง
พี่พิสิษฐ์ถอดเสื้อนอกผมออกพอเจอปืน ( ปืนจริงๆ นะ Walther P99 ) ถึงกับชะงัก ผมขำแล้วปลดสายสะพายปืนออกวางไว้บนหัวเตียง
พี่พิสิษฐ์ดูดปากไซร้คอผมอย่างกับอดยากมานานหลายปี ผมกลัวคอเป็นรอยเลยบอกให้พี่แกเลิกไซร้คอพี่แกเลยเปลี่ยนมาดูดปากแลกลิ้นกับผมชุดใหญ่
เสื้อผ้าผมโดนถอดออกไปทีละชิ้นๆ จนเหลือแค่กางเกงในตัวเดียวเช่นเดียวกับพี่พิสิษฐ์ที่เหลือแค่เกางเกงในตัวเดียวเช่นกัน เป้าตุงๆ นูนเป็นลำยาวขนาด 7"
ของพี่พิสิษฐ์ถูไถไปมากับเป้าของผมแบบเน้นๆ พี่พิสิษฐ์ครางอืออาในลำคอหลายรอบแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยปากของผมให้เป็นอิสระเสียที ส่วนผมเองก็เริ่มเคลิ้ม
มือไม้เริ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลัง,ช่วงไหล่และสะโพกที่แน่นไปด้วยกล้ามเนื้อของพี่พิสิษฐ์จนทั่ว พี่พิสิษฐ์หายใจแรงฟืดฟาดแล้วเลื่อนปากลงไปไซร้ที่หน้าอก
ดังจ๊วบๆ ทั้งขบทั้งดูดและเม้มจนผมเจ็บปนเสียวนอนเกร็งแอ่นหน้าอก พี่พิสิษฐ์เลื่อนปากลงไปเรื่อยๆ ละเลงลิ้นดูดเม้มปากอย่างบ้าคลั่งที่หน้าท้องและเป้า
ของผมจนทั่ว พี่พิสิษฐ์งับคาบดูดดุนดันลำท่อนของผมที่แข็งนูนเป็นลำอัดแน่นอยู่ในกางเกงในผมอย่างเมามันส์ ทำเอาผมเสียวเกร็งหน้าท้องจนกล้ามขึ้น
พี่พิสิษฐ์ก็ดึงกางเกงในผมออก พี่พิสิษฐ์อ้าปากอมรูดดูดลำท่อนของผมทันทีดังจ๊วบๆ แล้วเร็วขึ้นเรื่อยๆ น้ำลายพี่แกเยิ้มไปถึงดงขนเพชรของผมจนเปียกชุ่ม
พี่พิสิษฐ์อมรูดดูดลำท่อนสลับกับซุกไซร้ดอมดมพวงไข่ของผมอยู่พักใหญ่ก็ขยับตัวขึ้นมานั่งคุกเข่าข้างๆ ผมก่อนจะถอดกางเกงในสีดำของตัวเองทิ้งไป
ลำท่อนของพี่พิสิษฐ์ใหญ่และยาวประมาณ 7" หัวบานเยิ้มไปด้วยเมือกใสเส้นเลือดโปดปูนไปตลอดทั้งลำกระดกงึกๆ พี่พิสิษฐ์แอ่นลำท่อนเข้าปากผมพลาง
ใช้มือขวาสาวว่าวให้ผมไปด้วย ผมก็เลยอ้าปากอมรูดดูดลำให้เค้าทันที พี่พิสิษฐ์ครางซี๊ดซ๊าดแหงนหน้าหลับตาพริ้มแอ่นลำท่อนเข้าปากผมเป็นจังหวะช้าๆ
ก่อนจะนั่งคร่อมหน้าผมแล้วกระเด้าใส่ปากแบบถี่ๆ ผมต้องเอามือดันตัวพี่แกออกเพราะสำลักกับความใหญ่ยาวและการกระทุ้งลำท่อนของพี่แกที่เข้าปากผม
แบบลึกและเร็วสุดๆ พี่พิสิษฐ์กลับตัวในท่า 69 แล้วอมรูดดูดลำท่อนให้ผมเช่นกัน ผมเลยได้โอกาสเอาคืนด้วยการกระเด้าลำท่อนเข้าปากพี่แกแบบลึกและเร็ว
จนพี่พิสิษฐ์สำลักเบนหน้าหนี พี่พิสิษฐ์บ่นๆ ขำๆ แล้วต่อยขาผม 1 ที ผมไม่พูดอะไรได้แต่หัวเราะ ผมกับพี่พิสิษฐ์อมรูดดูดลำท่อนในท่า 69 อยู่นานจนเสียวสุดๆ
พี่พิสิษฐ์ขอเอาผมแต่ผมไม่ให้พี่แกเลยดูหงอยๆ ไปหน่อยนึง ส่วนผมก็ไม่คิดว่าจะต้องเอาพี่เค้าหรอกนะแค่นี้ก็พอแล้วล่ะ พี่พิสิษฐ์ดึงตัวผมนั่งที่ขอบเตียง
แล้วยืนกระเด้าเอวใส่ปากผมแบบเนิบๆ เน้นๆ เกร็งขาเกร็งลำท่อนครางซี๊ดซ๊าดโยกหัวผมเข้าหาลำท่อนแกเรื่อยๆ แล้วพี่พิสิษฐ์ก็ขอผมอีกครั้ง
ผม - "ของพี่ใหญ่ไม่เอาหรอก ผมกลัวเจ็บ .....ถ้าเป็นไอ้น้องที่นั่งอยู่ข้างล่างนั่นก็ว่าไปอย่าง 555" พี่พิสิษฐ์เลยเล่าให้ผมฟังว่ามันชื่อ "อ๊อด" ( สิบตำรวจโท ) 
เคยไปเที่ยวอาบอบนวดด้วยกันบ่อยๆ รวมทั้งเคย 2-1 เด็กพานิชย์ด้วยกันมาแล้วถึง 3 คน แต่พี่พิสิษฐ์ก็ไม่เคยคิดไรกับไอ้อ๊อดมากกว่าลูกน้องคนนึง 
พี่พิสิษฐ์ยืนกระเด้าเอวส่งลำท่อนใส่ปากผมเริ่มเร็วขึ้น,ถี่ขึ้นและเกร็งมากขึ้น แล้วในที่สุดพี่พิสิษฐ์ก็ทนไม่ไหวน้ำแตกกระจายเต็มที่นอน ( ผมหลบทัน 555 )
พี่พิสิษฐ์เอนตัวผมลงไปนอนที่เตียงแล้วอมรูดดูดลำท่อนให้สลับกับดูดปากไซร้คอไปมาจนผมแตกคามือพี่แกในที่สุด ผมกับพี่พิสิษฐ์ล้างเนื้อล้างตัวใส่เสื้อผ้า
เตรียมลงไปข้างล่างแต่ไฟดันดับซะก่อน ผมกับพี่พิสิษฐ์มองหน้ากันแล้วพยักหน้าต่างคนต่างหยิบปืนของตัวเองไปยืนอยู่ที่ประตูห้อง ถึงจะมืดแต่แสงไฟจาก
ข้างนอกก็ทำให้เห็นสัญญาณมือจากพี่พิสิษฐ์ได้ชัดเจน ผมกับพี่พิสิษฐ์เดินเคลียร์ชั้นบนกันทีละห้องก็ไม่พบความผิดปกติอะไร จนถึงชั้นล่างก็เจอร่างของ
ไอ้อ๊อดนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้นกลางห้องโถง พี่พิสิษฐ์วิ่งเข้าไปหาไอ้อ๊อดทันที ขณะที่พี่พิสิษฐ์วิ่งเข้าไปก็มีชายชุดดำถือมีดจะเข้าไปฟันผมเลยยิงไป 2 นัดจนร่วง
ผมยืนเอาหลังติดกำแพงมองดูรอบๆ ว่ายังมีใครอีกมั้ย ไอ้อ๊อดโดนแทงที่ท้องเสียเลือดมากถ้าปล่อยไว้นานคงแย่ พี่พิสิษฐ์เลยอุ้มไอ้อ๊อดขึ้นรถโดยมีผมคุ้มกันให้
ผมรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวจากด้านขวาเลยหันไปก็เจอชายชุดดำเงื้อมีดลงมาฟัน ผมจะหันไปยิงแต่ไม่ทันเลยก้มตัวหลบ โชคร้ายที่ชายชุดดำอีกคนโผล่มาฟัน
โดนปืนผมจนหลุดมือแล้วฟันมาอีกที ผมหลบแล้วไปตั้งหลักหลังโต๊ะคอมพ์ ถึงชายชุดดำ 2 คนนั้นจะมีมีดและตัวใหญ่กว่าผมนิดหน่อยก็ไม่ได้เป็นปัญหาให้
สักเท่าไรเพราะผมก็มีมีดเหมือนกัน ( มีดของผมเองที่เหน็บไว้ตรงเข็มขัดด้านหลัง ) อีกอย่างเด๋วพี่พิสิษฐ์ก็คงกลับมาช่วยหลังจากอุ้มไอ้อ๊อดไปไว้ที่รถ
ผมมองเห็นปืนของผมที่ร่วงอยู่ตรงพื้นละแต่ทำยังไงจะไปเอาได้ล่ะ ? ผมเอาเอกสารบนโต๊ะโยนใส่พวกมันจนกระจัดกระจายแล้วปามีดใส่ ( วัดดวงสุดๆ )
จนปักท้องไป 1 คน ผมถีบโต๊ะคอมพ์สุดแรงเกิดใส่อีกคนที่จะเข้ามาฟัน 2 ทีจนมันโดดข้ามโต๊ะคอมพ์มาแล้วง้างมีดฟันทันที ผมเอามือขวาหยิบคีย์บอร์ดตีมือ
ข้างที่มันถือมืดจนพังส่วนมือซ้ายคว้าโทรศัพท์ขว้างใส่หน้าไปอีกทีก่อนจะถีบจนมันหงายหลัง ผมเหยียบโต๊ะคอมพ์กระโดดไถลไปหยิบปืนของผมที่ร่วงพื้น
พี่พิสิษฐ์ - "หยุดอยู่แค่นั้นแหละ .....เสียดายที่ยังไม่ได้ฟันเอ็งเลยว่ะ" พี่พิสิษฐ์กระทืบมือผมที่จับปืนอย่างแรงแล้วเหยียบค้างไว้
ไอ้อ๊อด - "ผมบอกแล้วไงครับผู้กอง ว่าให้ผมขึ้นไปช่วยด้วย ไม่งั้นก็เรียบร้อยไปแล้ว" ไอ้อ๊อดเดินตามหลังพี่พิสิษฐ์ถอดเสื้อที่เลอะเลือดออกแล้วใส่เสื้ออีกตัว
พี่พิสิษฐ์ - "ไม่คิดไม่ฝันซินะว่าต้องเจอ ....แบบนี้" พี่พิสิษฐ์เตะท้องจนผมกลิ้งแล้วชายชุดดำก็ออกมาอีก 2 คนพร้อมอาวุธปืน
ผม - "เรื่องเซอร์ไพรซ์แบบนี้ผมเจอมาเยอะละ ....ถ้าจะเข้าถ้ำเสือก็ต้องทำใจกันหน่อย" ผมลุกขึ้นหันไปมองชายชุดดำพยุงอีกคนที่โดนผมปามีดใส่ท้อง
ไอ้อ๊อด - "เห็นผู้กองบอกว่ามึงโม๊คเก่ง ก่อนตายโม๊คให้กูหน่อยดิ๊" ไอ้อ๊อดรูดซิปควักควยตัวเองออกมาแล้วถูไถที่ปากผม ผมเลยกัดซะจนมันร้องลั่นบ้าน
พี่พิสิษฐ์เอาปืนตบหน้าผมจนเลือดซิบ ไอ้อ๊อดเก็บควยแล้วกระชากคอเสื้อต่อยผมเป็นชุดก่อนจะควักปืนออกมาจ่อหัวผม
ไอ้อ๊อด - "ไอ้ ( วรนุช ) !!!" ในขณะที่ผมมองหน้าไอ้อ๊อดนั้นเองเลือดจากหัวของมันก็สาดเข้าหน้าผมเต็มๆ ร่างของไอ้อ๊อดร่วงลงไปนอนจมกองเลือดกับพื้น
กระสุนพุ่งเข้าหัวชายชุดดำที่ถือปืนอย่างไร้ซุ่มเสียงจนหงายท้อง ส่วนอีกคนกำลังจะวิ่งไปหลบหลังประตูแต่ก็ไม่ทันโดนยิงเข้าท้ายทอยจนล้มหน้าคมำ 
ชายชุดดำ 2 คนแรกที่ปะทะกับผมโดนยิงแบบไม่ทันได้ตั้งตัวเช่นกัน พี่พิสิษฐ์ล็อคคอผมแล้วเอาปืนจ่อหัวผมทันทีหวังใช้ร่างผมบังกระสุน
ผม - "เป็นผม ผมจะหลบไปให้ไวเลยล่ะ แต่ยังไงก็หลบไม่พ้นอยู่ดี ....ถ้าให้ยิงต่อเนื่องในระยะที่ไม่เกิน 200 m มันเก่งกว่าผมซะอีก"
มือขวาที่พี่พิสิษฐ์เอาปืนจ่อหัวผมไว้โดนยิงจนมือขาดตามด้วยเท้าขวา ผมตีศอกใส่ท้องพี่พิสิษฐ์แล้วหันตัวหลบหลังติดกำแพง พี่พิสิษฐ์หยิบมีดแล้วเดินเข้ามา
หาผม มืออีกข้างเลยขาดกระเด็นไปพร้อมมีด ตามมาด้วยกระสุนอีกชุดใหญ่ที่เจาะเข้าไหล่และขาทั้งซ้ายและขวาจนพี่พิสิษฐ์ลงไปนอนร้องครวญคราง
ผม - "พี่ว่าใครรักษาความลับได้ดีที่สุดในโลก ? ......คนตายไงล่ะ" ผมเอานิ้วชี้มือขวาชี้ที่หัวพี่พิสิษฐ์แล้วยกมือซ้ายทำท่าแบบตัดคอตัวเอง
กระสุนเลยพุ่งเข้าหัวพี่พิสิษฐ์จนฟุบไปพื้น ผมเก็บปืนแล้วเดินออกจากบ้านหลังนั้นมาไม่ถึง 50 m พี่เอก็เลี้ยวรถมารับพร้อมกับนิโอ๊ะที่เตรียมทำแผลให้ผม
ผม - "แล้วอัศวินขี่ม้าขาวที่ช่วยผมล่ะ ?"
พี่เอ - "กลับไปนอนแล้วมั้ง เห็นบอกง่วงๆ เพลียๆ"
นิโอ๊ะ - "พอรู้ว่ามึงอยู่ที่นี่ มันก็เหยียบมาซะมิดไมล์จนตามไม่ทัน .....อยู่นิ่งๆ ดิ ไม่แสบหรอกน่า เอ๊ะ ไอ้นี่" ใครบอกว่าเบตาดีนไม่แสบผมไม่เชื่อหรอก ><
เวลาต่อมา ณ ห้องพักที่โรงแรม
ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูงหุ่นเฟิร์มหัวเกรียน + หัวหลิมนิดๆ นอนคว่ำหน้าแน่นิ่งอยู่บนเตียงรองทงรองเท้าไม่ยอมถอดผมเลยเข้าไปถอดให้
ผม - "ไอ้หัวหลิม อาบน้ำยังเนี่ย ? ไปเลยไปอาบน้ำ เหม็นว่ะ ......นิ่ง .....งั้นกูอาบก่อนนะ" ชายหนุ่มคนนั้นยกมือบอกให้ผมไปอาบก่อน
ผมอาบไปได้สักพักชายหนุ่มคนนั้นก็ตามเข้ามาอาบด้วยโดยการสะเดาะกุญแจห้องน้ำ
ผม - "ไอ้เชี่ย เข้ามาไมเนี่ย ? ......โอ๊ย ร้อนนนนนน เล่นเชี่ยไรเนี่ยไอ้สู้ ? .....อย่าาาา อ๊ากกกก" ไอ้สู้เปิดเครื่องทำน้ำอุ่นแบบร้อนสุดๆ แล้วเอามาฉีดเล่นกับผม
ตามด้วยเอายาสระผมป้ายหน้าป้ายตาจนผมแสบ พอจะเอาน้ำมาล้างมันก็ร้อนเกินไปอีก ผมกับไอ้สู้ตีกันในห้องอยู่นานจนพี่เอก็มาด่าเลยเลิก ><
ผมกับไอ้สู้แก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันมาตั้งแต่อยู่ร้อยจงอาง บางครั้งก็สระผมให้กันหรือถูหลังให้กันบ้าง แต่ผมก็ไม่เคยคิดอะไรกับมันมากกว่าเพื่อนสนิทที่ร่วมเป็น
ร่วมตายกันมาตลอดหลายปี ผมรู้สึกโชคดีและดีใจมากๆ ที่มีมันอยู่ข้างกายผมตลอดเวลา "รู้สึกสบายใจและปลอดภัย" บางทีมันนอนกอดผมด้วยนะ 555
แต่ก็ไม่ได้หวานหวีดอะไรมากมายเพราะสักพักเด๋วมันก็กรนจนผมนอนไม่หลับ -*-a ไอ้สู้มันชอบให้ผมเกาหลังให้ก่อนนอนจนบางทีผมฟุบหลับคาหลังมัน
เลยก็มี 555 ส่วนผมจะชอบให้ไอ้สู้แคะหูให้ พอแคะไปๆ ( ถ้ามันไม่แกล้งแคะแรงๆ ) ผมก็จะหลับคาตักมันเลยเหมือนกัน เอิ๊กๆ 
ความสัมพันธ์ของผมและไอ้สู้ต่างกับความสัมพันธ์ของผมและทักโดยสิ้นเชิง กับไอ้สู้คงเหมือนพี่ชายกับน้องชาย แต่ของทักคงเหมือนแฟน ( ไม่ก็กิ๊ก -*-a )
ผมชอบที่ไอ้สู้มีนิสัยเงียบครึม,พูดน้อย,เยือกเย็น,ตัดสินใจอะไรเด็ดขาดและชัดเจน ซึ่งจะคล้ายๆ กับนิโอ๊ะ ( แต่นิโอ๊ะจะพูดเหน็บเจ็บกว่าไอ้สู้อยู่มากโข )
ที่คอยรั้งผมกับไอ้แจ๊คที่ขี้เล่นติดเล่น,ปากดี ( แต่คนอื่นเรียกปากหมา ),ชอบเถียง,ดื้อและใจร้อนพอกัน ( จะมีก็แต่ความขี้เมาของมันที่ต่างจากผม 555 )
ไม่ให้ร้อนจนเกินไป .....เฮ้อออ พูดแล้วน้ำตาจะไหล 
เช้าวันต่อมา
วันสุดท้ายของงานประชุมอาเซียน
พี่เอกไม่ยอมพูดอะไรกับผมอีกเลยแม้แต่หน้าก็ยังไม่มอง ส่วนพี่คมสันต์ก็ยังพูดคุยกับผมเหมือนเดิม ( แต่รู้สึกได้ถึงความแค้นจากสายตาที่แข็งกร้าวที่มองผม )
เหตุการณ์ยังดำเนินไปตามปกติไม่มีอะไรเป็นอุปสรรคต่อการประชุม ทุกอย่างจบลงด้วยดี happy ending จนถึงวินาทีสุดท้ายที่ผู้นำจากประเทศนึงกำลังรอขึ้น
รถเพื่อไปสนามบิน Victor เดินประกบติดผู้นำคนนั้นในฐานะบอร์ดี้การ์ดส่วนตัวพร้อมลูกน้องอีก 2 คนขนาบซ้ายขวา Victor หันมายิ้มให้ผมกับไอ้สู้
ผมกับไอ้สู้ได้แต่ยืนมองด้วยความแค้นและเจ็บใจสุดๆ ที่ทำอะไรมันไม่ได้ แล้วเจ้าหน้าที่ประสานงานด้านความปลอดภัยกับต่างประเทศคนนึงก็เชิญให้ผมกับ
ไอ้สู้ไปคุยกับเจ้าหน้าที่ทางทหารระดับสูงจากประเทศนึง ( ประเทศเดียวกับที่ Victor ไปเป็นบอร์ดี้การ์ดให้ ) เค้าค่อนข้างจะสนใจผมกับไอ้สู้พอสมควร
เพราะได้ฟังคำบอกเล่าจากนายพลท่านนึงของไทยเกี่ยวกับการทำงานของผมกับไอ้สู้ที่ใต้ ผมเลยตอบตกลงรับคำเชิญ ที่ห้องนั้นมีผมกับไอ้สู้และเจ้าหน้าที่
ทางทหารของไทยและประเทศนั้นกับ Victor และลูกน้องของมันรวมแล้ว 12 คน ผมกับเจ้าหน้าที่ทางทหารระดับสูงคนนั้นพูดคุยกันหลายเรื่องเกี่ยวกับปัญหา
ชายแดนในภาคใต้ ส่วนไอ้สู้ก็คุยกับทหารระดับพันเอกอีกคนที่มาด้วยกัน จนเวลาผ่านไปได้สักครึ่งชั่วโมงก็เหลือแค่ผม,ไอ้สู้ และ Victor กับลูกน้องมัน
อีก 2 คน ที่ยืนอยู่ข้างหลังห่างไป 4 m
Victor - "Don't you two ever tire of failing in your mission ?"
ผม - "อย่านึกว่าอยู่ตรงนี้แล้วกูไม่กล้ายิงมึงนะ" -----> เด๋วแปลให้ฟัง
Victor - "
ไม่ๆๆ ป่าวเลย ไอคิดว่ายูเป็นคนฉลาดและบ้าบิ่นพอตัว แต่ยูคงไม่ทำอย่างนั้น ณ เวลานี้และที่นี่หรอก ...จริงมั้ย A-18 ?" Victor หันไปยิ้มให้ไอ้สู้
ไอ้สู้ - "มันก็ไม่แน่หรอก" ไอ้สู้ค่อยๆ หยิบมีดจากขาซ้ายมาไว้ในมือ ส่วนผมหยิบมีดบนโต๊ะกำไว้ในมือเช่นกัน
Victor - "
อยากให้เกิดปัญหาระหว่างประเทศกันรึไง ......อดใจไว้ .....อีกไม่นานเด๋วเราก็ได้เจอกันอีก" Victor นั่งกอดอกเอนหลังดื่มกาแฟอย่างสบายใจ
ผม - "ช่วยเลื่อนเวลาเข้ามาหน่อยก็ดีนะ เพราะคันไม้คันมือจะแย่อยู่แล้ว"
Victor - "
ยังใจร้อนเหมือนเดิม A-17 .....จากประสบการณ์ที่ผ่านมายูไม่ได้เรียนรู้อะไรขึ้นมามั่งเลยรึไง ? ....โง่จริงๆ !!!"
ไอ้สู้ - "เพราะถ้ามึงไม่ดึงไอ้ยูเข้าไปร่วมด้วย พวกกูคงไม่ใจร้อนกันขนาดนี้หรอก"
Victor - "
ผิดแล้ว A-18 .....เจ้าหนุ่มนั่นอาสามาเองต่างหากล่ะ ไอไม่ได้เชื้อเชิญอะไรเลย เจ้าหนุ่มนั่นขอแค่อย่างเดียว ....เพียงอย่างเดียว"
ผม - "อะไร ?"
Victor - "
ได้สนุกกับเพื่อนเก่ายังไงล่ะ" Victor เอามือขวาล้วงเข้าไปในเสื้ออย่างรวดเร็วทำท่าเหมือนจะควักปืนออกมา ผมกับไอ้สู้ไม่รอดูแน่ๆ ว่าใช่หรือไม่ใช่
ไอ้สู้เอนตัวไปข้างหลังถีบโต๊ะใส่ Victor ทั้งสองเท้าส่วนผมเอามือ 2 ข้างดันช่วยด้วยอีกแรง แต่ Victor เอามือทั้งสองข้างยันโต๊ะเอาไว้ได้ ผมหยิบมีดบนโต๊ะ
พุ่งตัวจะแทง แต่ Victor มันลุกขึ้นเหวี่ยงเก้าอี้ที่มันนั่งใส่ผมก่อนจะถีบโต๊ะอย่างแรงจนโต๊ะล้มทับใส่ไอ้สู้ที่กำลังลุกขึ้นหยิบปืนออกมา โชคดีที่ไอ้สู้หลบได้ทัน
ลูกน้องของมันทั้ง 2 คนควักปืนออกมาแล้วเล็งมาที่ผมกับไอ้สู้ทันที
Victor - "
ประสาทตอบรับยังดีเยี่ยมเหมือนเดิม ......นี่เป็นพิกัดที่ยูทั้ง 2 จะไปรื้อฟื้นความหลังกับเจ้าหนุ่มนั่น" Victor หยิบกระดาษแผ่นนึงออกมาจาก
กระเป๋าเสื้อด้านในพับเป็นเครื่องบินแล้วร่อนมาให้ผม พนักงานโรงแรมเข้ามาพอดีถึงกับตกใจว่าเกิดไรขึ้น Victor เลยเข้าไปแก้ตัวให้จนเรียบร้อยทุกอย่าง
Victor - "
หน้าที่หลักๆ ที่ไอมอบหมายให้เจ้าหนุ่มนั่นทำก็เสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่เรื่องส่วนตัวของยูทั้ง 2 กับเจ้าหนุ่มนั่นแล้วล่ะนะ ....Good Luck"
Victor
เดินออกไปจากห้องพร้อมกับลูกน้องทั้ง 2 คน ปล่อยให้ผมและไอ้สู้นั่งอึนกันอยู่เพียง 2 คน อ้อ พนักงานโรงแรมที่กำลังเก็บกวาดอยู่ด้วยอีก 4 คน -*-a
ไม่นานพี่เอกับนิโอ๊ะและลูกน้องตามเข้ามาดูผมกับไอ้สู้ พวกผมมองออกไปข้างนอกหน้าต่างเห็น Victor เดินประกบผู้นำของประเทศนั้นจนขึ้นรถหายไป
**************************
BY :  XIII Post : 2009-11-13

No comments:

Post a Comment