Thursday, 13 January 2011

บทที่ 35 " คำสอนของป๋า "

ย้อนไปเมื่อหลายวันก่อนช่วงต้นเดือนตุลาคม 2009 ......
วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม 2009 เวลาประมาณ 0745 am ณ ห้องนอนผม
ผม - "โทรมาทำห่าไรแต่เช้าวะ ? .......วันนี้หรอ ? .......เออเนาะ โทษทีๆ ลืมว่ะ 5555 Happy Birth Day นะคุณพี่ ขอให้ตายศพสวยๆ 555"
ผมคุยโทรศัพท์กับลูกพี่ลูกน้องคนนึงที่เป็นนักบินของทหารอากาศ ถึงมันจะเกิดก่อนผมตั้ง 1 ปีก็จริงแต่ด้วยความสนิทกันผมจึงไม่เรียกมันว่าพี่ 555
ผม - "กี่โมงวะ ? ......เออๆ เด๋วกูไปๆ โอเคเด๋วเจอกัน .....เชี่ย รู้มากเด๋วไม่ต้องเอา ไอ้สาดดดดด"
วันนี้วันเกิดของมันมันเลยโทรมาชวนไปกินเลี้ยงที่ Akiyoshi และทวงของขวัญที่ผมเคยสัญญาว่าจะให้ๆ ....แต่ผมลืมมาตลอด -*-a
เวลาต่อมา ณ โรงพยาบาลแห่งนึงใน กทม.
ไอ้สู้ - "วันนี้วันเกิดไอ้นพมันนี่นา แม่งโทรมาทวงของขวัญแต่เช้าเลย"
ผม - "ไม่ใช่แค่มึงคนเดียวหรอกนะที่โดน โอ๊ะมันก็คงโดนด้วย เหอะๆ"
นิโอ๊ะ - "ป๊าววว กูปิดมือถือ 5555 ....ว่าแต่มันเลี้ยงที่ไหนวะ ?"
ผม - "Akiyoshi ....จะว่าไปเราก็ไม่ได้ไปกันตั้งนานแล้วเนาะ"
นิโอ๊ะ - "เสียดายที่ใครบางคนอดไป หึๆ" ผมกับนิโอ๊ะหันไปมองไอ้สู้ด้วยสีหน้าสะใจ 555
ไอ้สู้ - "5555 พลาดแล้วพวกมึง วันนี้หมอให้กูกลับบ้านแล้วไอ้ฟายยยยย 5555"
ตอนเที่ยงไอ้สู้ก็ได้กลับไปพักที่บ้านส่วนผมและนิโอ๊ะกลับไปทำงานต่อในช่วงบ่าย ( รายงานและรายงาน เอกสารเป็นตั้งๆ เซ็นต์จนมือหงิก T_T )
ตอนเย็นนิโอ๊ะแวะซื้อของขวัญให้ไอ้นพที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ผมเลยติดสอยห้อยตามมันไปด้วยเพราะขี้เกียจขับรถเอง 5555
ระหว่างที่ผมกับนิโอ๊ะเดินเลือกซื้อของขวัญให้ไอ้นพกันก็มีเด็กวัยรุ่นทั้งหญิงและชาย ( และกระเทย -*- ) กลุ่มใหญ่อายุประมาณ 17-18 หน้าตาดีๆ กันทั้งนั้น
เดินเลือกซื้อตุ๊กตาหยอกล้อกันเล่นอย่างสนุกสนาน ผมสะดุดตากับเด็กสาวคนนึงเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออกเลยยืนมองไม่ละสายตาอยู่พักใหญ่
กระเทยแก้มแดง - "ต๊ายยยยย น่ารักจังเลย ท.ทหารมาเดินซื้อของขวัญคิกขุ จะซื้อตุ๊กตาไรให้แฟนหรอคะพี่ทหาร ? อยากได้มั่งจัง" กระเทยแก้มแดงหันมาแซว
ผมเลยส่งยิ้มกลับไปแล้วหยิบตุ๊กตาแรดตัวน้อยส่งให้อย่างมีไมตรีจิต 5555 พนักงานรูปหล่อที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ถึงกับขำก๊าก 5555
ผม - "ถ้าน้องมีนอเหมือนมันพี่คงแยกไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร" ตอนแรกกะว่าจะไม่ต่อความยาวสาวความยืดแต่กระเทยแก้มแดงนั่นยังแซวต่อเลยจัดให้
??? - "
เฮ๊ย พี่ พูดดีๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องพูดแรงๆ แบบนั้นเลย" เด็กชายวัยรุ่นหน้าตาละอ่อนออกตัวแทนเพื่อนกระเทยแก้มแดงยืนประจัญหน้าผม 5-6 คน
ผม - "สุภาพบุรุษ .....หลายตัว ......จะบอกไรให้ ไอ้พวกที่ชอบกร่างเพราะจำนวนคนเยอะกว่าเนี่ย .....ไม่เห็นจะมีแน่ๆ สักตัว"
นิโอ๊ะ - "ปิดเทอมควรจะหาไรทำที่มันน่าสนุกกว่าไปนอนให้น้ำเกลือที่โรงบาลนะไอ้หนู" นิโอ๊ะเดินมาเลือกของขวัญข้างผม ส่งซิกให้มองยามที่กำลังเดินมา
ผม - "ไอ้หูกาง มีดคัตเตอร์ที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อน่ะ รีบเก็บไปซะก่อนที่ยามจะมาเห็น เด๋วพ่อแม่เอ็งจะลำบากเอา"
นิโอ๊ะ - "ถ้าคนที่เค้าแน่จริงเค้าแทงไปแล้วล่ะนะ ไม่มัวมายืนถือประดับมือกันไว้หรอก" ผมกับนิโอ๊ะชิ่งหลบยามที่กำลังเดินมา ณ จุดเกิดเหตุ
นิโอ๊ะ - "มึงนี่ก็เหลือเกินนะ มีเรื่องกับเด็กซะได้ ......อ่า ช่วยห่อให้ด้วยนะครับ เอากระดาษลายนั้น กับ ....กับ โบว์อันนี้"
ผม - "ลูกสาวคนเล็กของพลอากาศตรี ...( ชื่อนามสกุล )..."
นิโอ๊ะ - "ห๊ะ ??? ว่าไงนะ ??? ......เด็กผู้หญิงที่มึงมองอยู่ตั้งนานสองนานน่ะนะ ผิดคนรึป่าว ?"
ผม - "ไม่ผิดแน่ เพราะพี่สาวเด็กนั่นเคยเป็นกิ๊กกับพี่สิงห์ มึงจำงานเลี้ยงของ ทอ. เมื่อ 4 ปีก่อนได้มะ ? ที่ไอ้แจ๊คมีเรื่องกับ สห.ทอ. ก็เพราะเด็กคนนั้นแหละ"
นิโอ๊ะ - "จะว่าไปก็คุ้นๆ อยู่เหมือนกัน .....ไม่รู้ซิกูห่างจากวงการนี้ไปตั้งนาน จำใครไม่ได้แล้วล่ะ ....เท่าไรครับ ? ....แหม ไม่ลดให้หน่อยรึครับคุณคนสวย"
เวลาต่อมาที่บ้านไอ้สู้
??? - "
น็อต โอ๊ะ ช่วยห้ามพี่สู้ที" ผู้หญิงผมยาวขาวสวยเดินออกมาเปิดประตูรั้วหน้าบ้านด้วยสีหน้ากังวลสุดๆ ผู้หญิงคนนั้นคือภรรยาของไอ้สู้นั่นเอง ชื่อ "แอน"
ผม - "ไอ้เชี่ยนี่ หมอบอกให้พักอยู่เฉยๆ นะมึง" 
นิโอ๊ะ - "เด๋วแผลปริกูจะฮาให้" เมื่อผมกับนิโอ๊ะเดินไปถึงก็เจอไอ้สู้กำลังดึงข้อบนคานโรงรถที่สูงจากพื้นประมาณ 6 เมตรอย่างแข็งขัน
ไอ้สู้ - "ป๊ะป๋า .....ได้ .....เท่าไร ....แล้ว ....น้องแพร ?" ไอ้สู้ถามลูกสาวตัวน้อยที่กำลังยืนมองพ่อดึงข้อด้วยเสียสั่นเครือ
น้องแพร - "19 แล้วค่ะป๊ะป๋า อีกทีเดียวเองค่ะ ป๊ะป๋าสู้ๆ ป๊ะป๋าสู้ตาย ป๊ะป๋าไว้ลายสู้ตายสู้ๆ" น้องแพรยืนยิ้มหน้าระรื่นปรบมือเชียร์ไอ้สู้ที่กำลังพยายามดึงข้อ
ครั้งสุดท้ายจนแขนทั้งสองข้างสั่นระริก 
นิโอ๊ะ - ".....น็อต"
ผม - ".....หึ สั่นอย่างนั้น แม่งร่วงแน่" และแล้วไอ้สู้ก็ทำไม่ได้ทำไม่ไหวปล่อยแขนร่วงลงมาจริงๆ แต่ผมกับนิโอ๊ะวิ่งเข้าไปรับตัวมันได้ทัน
ผม - "น่าปล่อยให้แม่งร่วงลงมาต่อหน้าลูกดีกว่ามั้ง"
นิโอ๊ะ - "ทำไมไม่พักให้ร่ายกายหายดีก่อนวะ ?"
ไอ้สู้ - "กูอยู่เฉยๆ มาหลายวันละ แม่งน่าเบื่อชิบหาย อีกอย่าง ....น้องแพรก็ ...." น้องแพรเดินเข้ามาหาจับแขนไอ้สู้ทำหน้างงๆ ใส่
น้องแพร - "ไหนป๊ะป๋าบอกป๊ะป๋าหายดีแล้วไงค่ะ ? แต่ทำไม ....ทำไม ...." น้องแพรยืนขยี้หูขยี้ตาร้องไห้งอแงที่เห็นไอ้สู้ร่วงลงมาหมดสภาพจากคานโรงรถ
อย่างที่ไม่เคยเป็น เพราะปกติเวลาไอ้สู้ออกกำลังกายอยู่ที่บ้านก็จะได้น้องแพรนี่แหละเป็นคนคอยนับเลขให้ตลอดว่าได้เท่าไร ซึ่งน้องแพรเองก็ชอบมาก
ไอ้สู้ - "ป๊ะป๋าหายดีแล้ว นี่ไง ดูนี่ดิน้องแพร แผลป๊ะป๋าปิดสนิทแล้วนะ .....งั้นเด๋วน้องแพรมาขี่หลังป๊ะป๋าแล้วป๊ะป๋าดันพื้นให้ดูนะ"
น้องแพร - "จริงๆ นะ ป๊ะป๋าห้ามโกหกน้องแพรนะ" ไอ้สู้ผลักผมกับนิโอ๊ะไม่ให้พยุงแล้วทำท่าดันพื้นท่าเตรียมให้น้องแพรขี่หลังแล้วดันพื้น 5 ที
น้องแพรเลยหยุดร้องไห้ยิ้มแป้นด้วยความดีใจ ผมรู้ว่าไอ้สู้พยายามเก็บอาการเพื่อไม่ให้น้องแพรรู้ว่าตัวเองเจ็บหนักขนาดไหน จนแอนได้แต่ยืนมองแล้วร้องไห้
ผม - "น้องแพรค๊าบ อาน็อตว่าเราไปเล่นเกมส์กันดีกว่านิ อาน็อตซื้อเกมส์มาฝากด้วยล่ะ" ผมอุ้มน้องแพรออกจากหลังไอ้สู้ที่กัดฟันดันพื้นจนแขนสั่น
นิโอ๊ะ - "ไม่ๆ อาโอ๊ะว่าดู Discovery ศึกษาชีวิตสัตว์กันดีกว่าเยอะเลยน้า ได้ความรู้ด้วย" ผมกับนิโอ๊ะเถียงเบี่ยงเบนความสนใจจูงมือน้องแพรออกจากไอ้สู้
แอน - "ไอ้บ้า !!! .....ไอ้พี่สู้บ้า ....บ้าที่สุด"
ผม - "....ตะกี้กูหูฝาดป่าววะ ?" ผมหยิบเกมส์ให้น้องแพรแล้วเอาตัวบังน้องแพรทันทีเพื่อไม่ให้เห็นสิ่งที่ผมคิด
นิโอ๊ะ - "ไม่ฝาดหรอก ....ด่าจริงตบจริง ซวยไปไอ้สู้เอ้ย" ผมกับนิโอ๊ะงงมากเพราะตั้งแต่คู่นี้คบกันมาจนแต่งงานมีลูกมีเต้าก็ไม่เคยเห็นแอนว่าไอ้สู้เลยสักคำ
ผมหันไปเห็นไอ้สู้ยืนกอดแอนที่กำลังร้องไห้โฮ ทุกครั้งที่พวกผมกลับบ้านแล้วมีบาดแผลติดมาด้วยไม่ว่าเล็กหรือใหญ่หนักหนาสาหัสขนาดไหน
คนทางบ้านก็ต้องเป็นห่วงเป็นธรรมดา โดยเฉพาะพวกผมที่แต่ละคนเฉียดตายต้องนอนห้อง ICU กันมาแล้วคนละไม่ต่ำกว่า 1 ครั้ง ( ผม 2 ไอ้สู้ 3 นิโอ๊ะ 2 )
เวลาต่อมาที่ร้าน Akiyoshi
เมื่อไปถึงผมก็เข้าไปทักทายเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทั้ง ทอ. ที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ( มีแค่ 2 คนที่ผมไม่รู้จัก )
??? - "
ไอ้สู้ไม่มาด้วยหรอไอ้เหลี่ยม ?"
ผม - "อ้าว พี่สิงห์ หวัดดีพี่ โอ๊ยยยยย คิดถึงๆๆ มาพี่ เด๋วมา มันเข้าห้องน้ำอยู่" ผมเข้าไปกอดรุ่นพี่ ทอ. คนนึงที่ผมรัก ผู้ชายคนนี้คือพี่ชายแท้ๆ ของไอ้สู้นั่นเอง
พี่สิงห์เป็น หน.ฝูงบินชื่อดังของ ทอ.  หล่อเท่แต่ดุสมชื่อ *.* และพี่สิงห์ก็เป็น หน. ของไอ้นพอีกที ( ไอ้นพเพิ่งถูกบรรจุเข้าฝูงบินนี้เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา )
พอไอ้สู้มาเจอพี่สิงห์ก็ถึงกับอึ้งเพราะพี่น้องคู่นี้ไม่ได้ติดต่อกันเป็นเวลานานมากแล้ว ( ไม่ค่อยจะกินเส้นกันสักเท่าไร -*-a ) 
ผมเลยปล่อยให้เค้าคุยกันไปตามประสาพี่น้อง แล้วหันมาสนใจหนุ่มอากาศโยธินหน้าตาดีทั้ง 2 คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมแทน 5555 ( พูดไปงั้นแหละ 5555 )
อากาศโยธินหนุ่ม 2 คนนั้นยกมือไหว้ผมพร้อมแนะนำตัวเอง ชื่อ "อาร์ม" กับ "ทศ" ทั้ง 2 คนเป็นลูกศิษย์ของเพื่อนผม คอยติดตามบุคคลสำคัญใน ทอ.
แรกๆ มัน 2 ตัวไม่ได้คุยอะไรกับผมมากมายนัก แต่พอเห็นว่าผมกับไอ้สู้เป็นสไนเปอร์เหมือนพวกมันก็เลยคุยกันถูกคอเลยทีนี้ ( ทั้งเรื่องปืนทั้งเรื่องตอนฝึก )
พวกมัน 2 คนเลยขอเบอร์ผมเอาไว้เผื่อปรึกษาเรื่องเทคนิคต่างๆ และเรื่องปืน รวมทั้งแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันจากที่เรียนมาของแต่ละเหล่า
(
ทั้ง ทบ. และ ทอ. หรือ ทร. จะมีหลักสูตรพลซุ่มยิงที่เหมือนๆ กัน แต่เทคนิครายละเอียดปลีกย่อยจะต่างกันนิดหน่อย )
ประมาณ 30 นาทีต่อมา พลอากาศตรี ...(xxx)... ที่เป็นเจ้าภาพของงานนี้ก็มาพร้อมกับลูกสาวอีก 2 คน ( คนที่เจอเมื่อตอนเย็นกับคนที่เคยเป็นกิ๊กกับพี่สิงห์ )
และตามมาด้วยเด็กหนุ่มผู้เป็นสุภาพบุรุษและไอ้หูกาง ทุกคนยืนตรงโค้งทำความเคารพเจ้าภาพและนั่งกินกันต่ออย่างสนุกสนาน
ไม่ถึง 5 นาทีถ่านไฟเก่าก็เริ่มร้อนแรงอีกครั้งที่โต๊ะของพี่สิงห์ 5555 ส่วนถ่านไฟเก่าของผมก็ร้อนแรงพอๆ กันกับไอ้เด็กหนุ่ม 2 ตัวที่เจอกันเมื่อเย็น
นิโอ๊ะ - "ไอ้หัวเกรียน 2 ตัวมันมีแบคดีแฮะ มิน่าล่ะถึงกร่าง" นิโอ๊ะหันมายิ้มกระซิบข้างหูผม
ผม - "หึ แล้วไง ? เด๋วพ่อตบเกรียนลั่นเลยนี่" ไอ้เด็ก 2 ตัวนั้นมองหน้าผมอยู่พักใหญ่ ผมเลยลุกขึ้นขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แล้วพวกมันก็ตามมาจริงๆ
ทีแรกนึกว่าจะทำเก๋าใส่ผม ไปๆ มาๆ ไอ้ 2 ตัวนั้นขอโทษผมเป็นการใหญ่ พูดจากับผมดีมากผิดกับเมื่อเย็นที่มีเรื่องกัน ( โชว์พาวเวอร์ต่อหน้า ญ น่ะซิ เหอะๆ )
พอกลับมามัน 2 ตัวก็ย้ายมานั่งโต๊ะเดียวกับผม คุยกันสนุกสนานเฮฮา ( คอเดียวกัน ... DotA 555 ) ไอ้สุภาพบุรุษหน้าหล่อชื่อ "เฟรม" ไอ้หูกางชื่อ "ดั๊ม"
พวกผมตัดสินใจไปต่อกันที่ผับๆ นึง ไอ้เด็ก 2 ตัวนั้นเลยขอไปด้วย ( ใช้เส้นจนได้เข้า เหอะๆ ) ที่สำคัญ ....อากาศโยธินหนุ่มทั้ง 2 คนนั้นก็ไปด้วย เอิ๊กๆ
(
ไหนๆ ก็จะไปเมกาอยู่ละ ไล่เก็บแม่งให้ครบทุกเหล่าทัพเลยดีกว่า 555 ) <---- ความคิดชั่วร้ายบังเกิดขึ้นยามเมา -*-a
ไอ้สู้กับไอ้นพและคนอื่นไปดีดดิ้นสีหญิงกันที่โต๊ะอื่น เหลือผม,นิโอ๊ะ,ไอ้ทศและไอ้เฟรมที่ดิ้นกันอยู่แถวๆ โต๊ะอย่างเมามันส์ ( โย่วๆ )
มีอยู่ช่วงนึงผมตกใจที่ไอ้เฟรมเอามือขวามากอดเอวผมแล้วกระโดดโลดเต้น ผมเลยหันไปมองหน้ามัน ....อ้อ เมาแล้วนี่หว่า 5555 ( เข้าทางเลยทีนี้ หึๆ )
ผมเลยกอดคอมันกลับเพื่อดูปฏิกิริยา ....เหอะๆ ท่าทางจะลงเอยทีเตียง -*-a ไอ้เฟรมบอกข้างหูผมว่าอยากเข้าห้องน้ำแต่ไปไม่ไหวให้ผมพยุงมันไปหน่อย
พอไปถึงไอ้เฟรมเดินเซเข้าไปเยี่ยวในส้วม พอออกมาก็เป๋จะล้มผมเลยเข้าไปพยุง ไอ้เฟรมอ้วกใส่ผมเลยทันทีที่แขนเสื้อแล้วก็นิ่งไป >< 
ผมเลยต้องหิ้วไหล่มันกลับไปที่โต๊ะ -*-a ตอนนั้นผับจะปิดพอดีก็เลยแยกย้ายกันกลับ 
ไอ้นพ - "มึงไปส่งมันด้วยก็แล้วกัน เพราะยังไงมึงก็กลับทางนั้นอยู่แล้ว" บ้านไอ้เฟรมอยู่แถวๆ งามวงศ์วาน ไอ้นพเลยบอกให้ผมช่วยไปส่งมันที
ผม - "กูจะรู้มั้ยนี่ว่าบ้านมันอยู่ตรงส่วนไหนของงามวงศ์วาน ?" ผมหันไปมองไอ้เฟรมที่นอนหลับอยู่ที่เบาะหลัง 
ไอ้นพ - "เออว่ะ แม่งเสือกเมาหลับอีก ...กูรู้ว่ามันอยู่แถวๆ งามวงศ์วานว่ะ ...เออ ไอ้ดั๊มๆ ...เฮ๊ย" ไอ้นพเรียกไอ้ดั๊มที่กำลังเมานั่งมึนหน้าตาแดงก่ำจะอ้วก
ไอ้ดั๊มเลยบอกว่าอยู่ตรงไหนแต่พูดไม่ค่อยรู้เรื่องจับใจความไม่ได้ทำเอาพวกผมงงเป็นไก่ตาแตก -*-a
ไอ้นพ - "งั้นเอามันไปนอนบ้านมึงก่อนก็แล้วกัน สร่างแล้วค่อยไปส่ง" แล้วไอ้นพก็ขึ้นรถกลับไปกับแฟนมัน ( แวะไปส่งไอ้ดั๊มแถวๆ สายไหมด้วย ) 
ไอ้อาร์มกับไอ้ทศกลับกับเพื่อนของไอ้นพ ไอ้สู้กลับกับพี่สิงห์ ( เพราะพี่สิงห์อยากไปดูหน้าหลานตอนนอน -*-a ) พอผมแวะไปส่งนิโอ๊ะที่บางกะปิก็เหลือแค่ผม
กับไอ้เฟรมแค่ 2 คน ผมจอดที่เดอะมอลล์งามวงศ์วานปลุกไอ้เฟรมอีกครั้งแต่ปลุกยังไงมนก็ไม่ยอมตื่น ผมเองก็เริ่มง่วงมากมายเลยตรงดิ่งกลับบ้านทันที
พอถึงบ้านผมโยนไอ้เฟรมลงเตียงอาบน้ำอาบท่าล้มตัวนอนบนเตียง รู้สึกตัวอีกทีตอนไอ้เฟรมมันพลิกตัวเอาขามาพาดต้นขาผม ( เกือบโดนเป้ากูแน่ะ *.* )
กิเลศพุ่งพล่านจินตนาการไปไกลจนอะไรๆ มันเริ่มแข็งขึ้นเรื่อยๆ และแล้วก็ควบคุมตัวเองไม่ได้หันไปกอดรัดฟัดหน้าอกไซร้คอไอ้เฟรมซะงั้น ><
ไอ้เฟรมครางอืออาบอกอย่าๆ พยายามพลิกตัวหนีแต่ก็ไร้ผล ต่อให้เอาช้างมาลากผมก็หยุดไม่ได้แล้วตอนนี้ ผมขึ้นคร่อมไอ้เฟรมทั้งตัวไซร้คอทั้งซ้ายและขวา
สลับไปมามือพลางแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวออกทีละเม็ดๆ ไซร้ไล่ลิ้นลงไปที่หน้าอกของไอ้เฟรมอย่างเมามันส์เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์
ผมลุกขึ้นถอดเสื้อตัวเองแล้วปลดเข็มขัดและกระดุมกางเกงยีนส์ออกจนหมดแล้วหันกลับขึ้นไปไซร้คอไซร้หน้าอกมันต่อ
ไอ้เฟรมก็ยังไม่สิ้นฤทธิ์เกร็งหน้าอกหน้าท้องครางในลำคออืออาบอกอย่าพี่อย่าและพยายามดิ้นหนีปากผมที่กำลังละเลงลิ้นดูดเม้มที่หัวนมทั้งซ้ายและขวา
ไม่นานจากมือที่ผลักหัวผลักตัวผมออกก็เปลี่ยนเป็นกอดรัดกดหัวกดตัวผมเอาไว้ไม่ให้ขยับไปไหนพร้อมครางเสียงกระเส่าอืออ้าอย่างได้อารมณ์
ผมระดมจูบดูดเม้มที่คอทั้งซ้ายขวาและหน้าอกจนทั่ว จนไอ้เฟรมครางในลำคอหายใจหอบเสียงดังกดหัวกดตัวผมแน่น ผมค่อยๆ ดึงมือที่กดหัวกดตัวผมออก
แล้วเลื่อนปากไล่ลิ้นลงไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าท้องที่มีกล้ามนิดๆ จากการออกกำลังกายเป็นประจำ ( เตะบอลตีปิงปอง ) แล้วจัดการไซร้หน้าท้องของมันจนทั่ว
ไอ้เฟรม - "โอ๊ยยยยย พี่ ....เสียววววว ....หยุดก่อน ....อื้อออออ" ไอ้เฟรมแขม่วท้องร้องครางเกร็งขาเอามือมาจับหัวผมแน่นเพื่อไม่ให้ไซร้หน้าท้องมันต่อ
ไอ้เฟรมลุกขึ้นนั่งขยับก้นถอดกางเกงยีนส์ออกแล้วนอนราบเผยให้เห็นกางเกงในสีขาวที่มีลำท่อนแข็งนูนยาวอยู่ข้างในลางๆ พอผมเอามือขวาไปจับที่ลำท่อน
นั้นมันก็ตอบสนองด้วยการเกร็งตอบรับมือผม ลำท่อนของไอ้เฟรมมีขนาดพอๆ กับของไอ้ดิ๊ฟคือ 6" ( แต่ท่าทางคงจะไม่ได้ใช้งานหนักเหมือนไอ้ดิ๊ฟแน่ๆ )
ผมยังไม่รีบเผด็จศึกไอ้เฟรมเพราะยังไม่สะใจ เลยขยับตัวขึ้นไปดูดไซร้ไล่ลิ้นอยู่ที่คอและหน้าอกของมันต่อ ส่วนมือขวาก็ลูบไล้ไปเรื่อยทั้งลำท่อนและพวงไข่
ขาทั้งสองข้างของไอ้เฟรมเริ่มกางออกและแอ่นสู้มือผมขึ้นเรื่อยๆ ไอ้เฟรมคงทนไม่ไหวเลยดึงกางเกงในลงแล้วงัดลำท่อนออกมารูดเองเลยทีนี้ 
ผมทั้งเม้มดูดไซร้ไล่ลิ้นที่หน้าอกของไอ้เฟรมเน้นๆ จนดังจ๊วบๆ ( เช้ามาแดงเป็นจ้ำๆ -*-a ) ไอ้เฟรมเลยหายใจถี่ครางอืออาเล็กๆ ซี๊ดปากนิดๆ เกร็งตัวหน่อยๆ
มือสาวว่าวตัวเองยิกๆ ส่วนมือขวาผมก็ลูบไล้ที่พวงไข่ของมันจนทั่ว ไอ้เฟรมทั้งเกร็งตัวทั้งครางในลำคอดังขึ้นเรื่อยๆ ผมเลยเอามือไปสาวว่าวให้มันทันที
ไอ้เหรมก็รู้งานพอสมควรเอื้อมมือขวามาจับ .357 ของผมทั้งรูดทั้งเค้นคลึงไปทั่วทั้งลำและพวงไข่จนผมต้องลุกขึ้นถอดกางเกงนอนขายาวให้มันสาวว่าวให้
ยิ่งผมดูดเม้มหน้าอกมันแรงขึ้นหรือสาวว่าวให้มันเร็วขึ้นเท่าไรมันก็สาวว่าวให้ผมเร็วขึ้นตามเท่านั้น จนส่วนหัวทั้งของผมและของมันไหลเยิ้มออกมาเรื่อยๆ
จนเลื่อนเต็มมือไปหมด ( มันบอกว่าเมือกมันไม่เคยออกมาเยอะขนาดนี้มาก่อน ) ผมเลยรูดตรงส่วนหัวที่เยิ้มไปด้วยเมือกลื่นนั่นเล่นอย่างมันส์มือ
ไอ้เฟรมซี๊ดปากเกร็งลำท่อนตามจังหวะขณะที่ผมรูดหัวบานของมันที่เยิ้มไปด้วยเมือกลื่น ตอนนั้นผมคิดว่าจะโม๊คดีมั้ยหนอ ? แล้วมันจะโม๊คให้เราไม่หนอ ?
ช่างเถอะ ...แค่นี้ก่อนดีกว่า ถือว่าเป็นการหยั่งเชิงสู่ของจริง ผมเร่งสาวลำท่อนของมันอย่างเร็วจนไอ้เฟรมหายใจหอบครางอื้อๆ ในลำคอซี๊ดปากเบาๆ 
ไม่ถึง 1 นาทีควยมันก็กระตุกอย่างแรง 2-3 ทีติดๆ กัน ไอ้เฟรมหลับตาปี๋เกร็งตัวแอ่นเอวสู้มือผมแล้วร้องอ้าออกมายาวๆ แล้วน้ำว่าวของไอ้เฟรมก็แตกกระจาย
เต็มมือของผมแล้วพุ่งขึ้นไปเป็นสายจนถึงหน้าอกของมันอย่างมากมาย ผมรูดลำท่อนของมันที่เยิ้มไปด้วยน้ำว่าวจนลื่นมันแผลบเล่นไปมาเรื่อยๆ 
สักพักไอ้เฟรมพลิกตัวมาทางขวามือผมแล้วกระหน่ำมือสาวว่าวให้ผมทั้งเร็วและแรงจนผมเสียว ไอ้เฟรมเอามือขวาเช็ดน้ำว่าวที่เลอะเต็มหน้าอกของตัวเอง
แล้วมาสาวว่าวให้ผมต่อ ( เออ เข้าใจคิดนะมึง -*-a ) ด้วยความลื่นจากน้ำว่าวและความเร็วจากมือของมันทำให้ผมเสียวเกร็งขาเกร็งหน้าท้องเป็นพักๆ
ขณะที่ผมหลับตาเพลินกับมือของมันก็ต้องตกใจเพราะไอ้เฟรมก้มตัวลงมาไซร้คอผมดังจ๊วบๆ สลับซ้ายขวาอย่างคล่องแคล่ว ไอ้เฟรมทำเอาผมเสียวสุดๆ
เมื่อมันไซร้หลังหูและขบติ่งหูผมเบาๆ >< ผมพยายามตั้งสติอยู่นานเพื่อไม่ให้ร้องครางออกมา ( กลัวเสียฟอร์มน่ะ 5555 ) เลยเอามือไปลูบไล้แผ่นหลังมันเล่น
ลูบเล่นจนถึงสะโพกและง่ามก้น ไอ้เฟรมสะดุ้งโหย่งทันทีที่นิ้วกลางผมแหย่เข้าไปถึงง่ามก้นแต่มันก็ไม่ได้ลุกหนีไปไหนผมเลยวนเวียนอยู่ตรงนั้นอยู่พักนึง
ผมแหย่นิ้วเข้าไปเรื่อยๆ ไอ้เฟรมขยับก้นขึ้นนิดนึงเลยถึงรูก้นของมันที่ขมิบเป็นจังหวะๆ ผมกดนิ้วกลางเข้าที่รูก้นของมันจนปลายนิ้วกลางเข้าไปนิดนึง
ไอ้เฟรม - "พี่ๆ พอก่อน ผมไม่เคย 555" ไอ้เฟรมหัวเราะลุกขยับก้นหนีมือผม แล้วมันก็ตั้งหน้าตั้งตาสาวว่าวให้ผมต่อ ผมเลยเอื้อมมือไปจับควยของมันแล้วรูด
เล่นแบบช้าๆ เน้นๆ จนมันเกร็งควยเป็นพักๆ ไอ้เฟรมสาวว่าวให้ผมอย่างต่อเนื่องไม่หยุดพักจนผมทนไม่ไหวน้ำแตกกระจายเลอะจนถึงหน้าอกตัวเอง
เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ไอ้เฟรมเสร็จตามผมมาติดๆ น้ำว่าวของไอ้เฟรมพุ่งเลอะตัวผม ไอ้เฟรมก็ขำแล้วขอโทษผมใหญ่ก่อนจัดการเช็ดให้จนหมด
ผมลุกขึ้นไปอาบน้ำอย่างเพลียๆ มึนๆ พอหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตาย Zzzz
วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม 2009 เวลาประมาณ 0900 am ณ ห้องนอนผม
ไอ้โน๊ตและไอ้ดิ๊ฟมาเคาะที่ประตูเรียกผมเสียงดังลั่น ผมลุกขึ้นไปเปิดก็ต้องตกใจเพราะไอ้เดียวก็อยู่ด้วย *.*
ถือว่าเป็นโชคของผมที่เมื่อตอนเช้ามืดผมฝันถึงไอ้เดียวว่ามันมาหาผมที่บ้านแล้วเจอผมกำลังนัวเนียกับไอ้เฟรมบนเตียง ผมเลยกลั้นใจลุกขึ้นไปส่งไอ้เฟรม
ตั้งแต่ 6 โมงเช้าแล้วกลับมานอนต่อ ( ผมเหมือนมีเซนส์กับเรื่องร้ายๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเอง บางทีก็รั้นไม่เชื่อไม่สนเลยซวยไปหลายรอบละ -*-a )
ไอ้เดียว - "ทำหน้าเหมือนตกใจที่เจอผมนะ" ไอ้เดียวเดินเข้ามาในห้องเปิดม่านให้จนสว่างแสบตา
ผม - "เชื่อมะว่าเมื่อเช้ามืดพี่เพิ่งฝันเห็นเอ็ง" ผมเดินไปถอดเสื้อหยิบผ้าขนหนูมาคลุมหัว
ไอ้เดียว - "เหมือนที่พี่เคยพูดอยู่บ่อยๆ ......มีปากก็พูดได้ 555" ผมเอาผ้าขนหนูสะบัดใส่หลังไอ้เดียวดังผับจนมันร้องโอ๊ยกระโจนเข้ามาต่อยผมชุดใหญ่
แล้วไอ้โน๊ตกับไอ้ดิ๊ฟก็เข้ามาร่วมวงด้วยจนผมต้องยอมแพ้ >< ผมปล่อยให้พวกมัน 3 ตัวเล่นเกมส์ดูหนังกันไปขณะผมอาบน้ำ
เวลาต่อมาที่ศึกษาภัณฑ์
ไอ้เดียวอยากได้หนังสือไรของมันไม่รู้ผมเลยพามันมาหาที่นี่ พอออกจากศึกษาภัณฑ์ก็เดินเล่นรอบสนามหลวง,วัดพระแก้วและสุดท้ายก็สนามยิงปืน รด. -*-a
??? - "
อ้าว ไอ้รุต เป็นไงมาไงล่ะเนี่ย ? มาๆ เข้ามาก่อนๆ แดดมันร้อน" ทหารแก่ๆ คนนึงกอดคอทักทายผมอย่างอบอุ่น ผมยกมือไหว้ที่ไหล่ของเค้าเบาๆ
ผม - "ก็แวะมาหาป๋านี่แหละ คิดถึงนะเนี่ยเลยมาหา 5555 ว่าแต่ป๋าสบายดีป่าว ? ดูผอมลงไปเยอะเลยนา ไม่สบายป่าวเนี่ย ?" 
ป๋า - "สบายดีแหละ ได้ข่าวจากไอ้ท็อปว่ามึงได้เป็นร้อยตรีแล้วหรอ ? เออๆ ดีใจด้วยว่ะ ยังหนุ่มยังแน่นอย่างนี้มีสิทธิ์เป็นคนใหญ่คนโตแน่ๆ มึง 555"
??? - "
ผมว่าพี่รุต ไม่ดิ ผู้หมวดสิทธิกรเค้าคงไม่สนใจเรื่องยศหรอกป๋า เค้าสนใจเรื่องอย่างอื่นมากกว่า" เสียงที่ผมคุ้นเคยในอดีตดังมาจากข้างหลังพร้อมเสียง
ขึ้นลำกล้องของปืนออโตเมติก ทหารหนุ่มคนนั้นโยนปืนกระบอกนั้นให้ผมก่อนจะยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ผมแยกชิ้นส่วนปืนกระบอกนั้นออกเป็นชิ้นๆ
แล้วปล่อยให้ร่วงจนกระจัดกระจายเต็มพื้น ก่อนรับไหว้จากทหารรุ่นน้องคนนั้น ผู้ที่เคยเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาในหลายๆ ภารกิจที่ใต้
??? - "
โหดร้ายสิ้นดี ผมเพิ่งล้างมาหยกๆ เลยนะนั่น ว่าจะให้ดูให้สักหน่อย" ไอ้โน๊ตเข้าไปช่วยทหารคนนั้นเก็บชิ้นส่วนที่ร่วงตามพื้นแล้วประกอบให้
ผม - "ดูแล้ว มันห่วยจัดเลยต้องแยกชิ้นส่วนทิ้ง เอ็งเล่นเปลี่ยนเกลียวในลำกล้องเพื่อให้คนอื่นตามรอยกระสุนได้ยากใช่มะ ? ....เลวจริงๆ ไอ้นี่"
??? - "
แหมๆ พูดมาได้เนาะ ทำอย่างกับตัวเองไม่ทำแน่ะ คนที่สอนเรื่องแบบนี้ให้ผมมาตลอด 1 ปีเต็มก็มีแต่พี่นี่แหละ ถ้าว่าผมเลวครูผมก็ต้องเลวน่ะดิ 555"
ผม - "อ๋อหรอออออ" ผมเดินเข้าไปรัดคอทหารคนนั้นจนมันดิ้นไปไหนไม่ได้ ทำให้ผมนึกถึงอดีตที่ผมเคยสอนทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมรู้ให้กับมันตลอด 1 ปีเต็ม
ทหารคนนี้ชื่อ "เสือ" ฉายาที่ใต้ในตอนนั้นคือ "เสือหมอก" เคยเป็นหนึ่งในลูกน้องของผมที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมาตั้งแต่มันเป็นพลทหาร ( ตอนนี้เป็น จ.ส.ท. )
ผมนั่งคุยกับป๋าและไอ้เสือถึงสถานการณ์ยุ่งๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ปล่อยให้ไอ้โน๊ต,ไอ้ดิ๊ฟและไอ้เดียวยิงปืนกันไป โดยมีลูกน้องของป๋าดูแลอยู่ห่างๆ
ผม - "หลังจากตอนนั้นทำไมเอ็งเลือกมาอยู่ที่นี่ ? .....อย่ามาอ้างว่าอยู่กับป๋านะ ฟังแล้วจะอ้วก"
ไอ้เสือ - "แหม ผมรักป๋าขนาดไหนพี่ก็รู้ๆ อยู่" ไอ้เสือกอดแขนเอาหน้าซบไหล่ป๋าทำท่าน่ารักคิกขุ
ผม - "ไม่ใช่ว่าเพราะที่นี่อยู่ใกล้กลาโหมหรอกหรอ ?" ไอ้เสือถึงกับนิ่งส่วนป๋าก้มหน้าไอแค่กๆ สีหน้าดูแย่ๆ พิกล
ผม - "ป๋าได้ทำในสิ่งที่ป๋ารักป๋าชอบก็จริง แต่ถ้าเค้าต้องมาคอยห่วงเอ็งแล้วป๋าจะมีความสุขหรือวะไอ้เสือ ?"
ไอ้เสือ - "ที่ครูเคยถาม ....จะอยู่เพื่อตัวเอง ? เพื่อคนอื่น ? หรือเพื่อชาติ ? ....ผมขอตอบว่าอยู่เพื่อคนอื่น ผมอยู่เพื่อป๋านะครู .....ป๋าเป็น ....มะเร็ง ...ระยะสุดท้าย"
ผมตกใจมากกับสิ่งที่ไอ้เสือบอก ผมมองหน้าป๋าที่ไอแค่กๆ จนน้ำตาผมคลอเบ้าออกมาอย่างไม่รู้ตัวท่ามกลางเสียงปืนที่ดังลั่นในสนามยิงปืนแห่งนั้น
ผม - "ป๋า ....ทำไมไม่บอกผม ? .....ผมไม่ใช่ลูกรักของป๋าแล้วหรือไง ? ....เออใช่ ผมไม่ใช่ลูกรักอย่างไอ้แจ๊คมันนี่เนาะ" ผมน้อยใจจนน้ำตาร่วง
ที่ป๋าเป็นถึงขนาดนี้แล้วไม่ยอมบอกผมสักคำ ผมหันหน้าออกจากวงสนทนาน้ำตาร่วงแหมะๆ
ป๋า - "ในบรรดาลูกรักของกูทุกคนก็มีมึงนี่แหละที่อ่อนไหวต่อเรื่องของคนอื่นได้ง่ายที่สุด ....กูถึงไม่อยากให้มึงมากังวลกับคนแก่ไม้ใกล้ฝั่งอย่างกูไงล่ะ"
ไอ้เสือ - "ผมต้องการเงินเพื่อมาต่อชีวิตให้ป๋า เพราะงั้น .....ผมถึง ....."
ผม - "เมื่อใดที่เราอยากปกป้องใครหรืออะไรสักอย่างมากซะจนไม่อยากสูญเสียสิ่งนั้นไป ตอนนั้นเราอาจจะไม่สนว่าสิ่งไหนถูกสิ่งไหนผิด ....เข้าใจมั้ยเสือ ?"
ป๋า - "เสือมันทำทุกอย่างเพื่อต่อชีวิตให้กู เพราะงั้นมึงอย่าไปว่ามันเลย ถ้าจะว่าก็ว่ากูนี่"
ผม - "เออ ผมว่าแน่ !!! บอกไม่ให้กินเหล้าสูบบุหรี่แล้วเคยเชื่อกันมั่งมั้ยล่ะ ? แก่ปูนนี้จนจะเกษียณอยู่ละ ยังจะดื้อด้านไม่ยอมฟังกันอีก ....ป๋าแม่ง ....งี่เง่าว่ะ"
ป๋า - "คนแก่ก็อย่างนี้แหละ ....งี่เง่ากันทุกคน" ป๋ายิ้มแล้วเอามือลูบหัวผมเบาๆ จนผมร้องไห้น้ำตาร่วง
ผม - "ป๋าดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีเถอะ" ผมเช็ดน้ำตาแล้วลุกขึ้นเข้าไปล้างหน้าล้างตาก่อนจะเดินไปหาไอ้ 3 ตัวที่กำลังยิงปืนอย่างเมามันส์
วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม 2009 เวลา 0505 am ป๋าเสียชีวิตอย่างสงบที่โรงพยาบาลแห่งนึง โดยมีไอ้เสือนั่งอยู่ข้างๆ ขณะที่ป๋าสิ้นลมหายใจ 
ขณะเสียชีวิตป๋าดำรงยศเพียงแค่จ่าสิบเอก ป๋าคือทหารรุ่นแรกๆ ของประเทศไทยที่ถูกส่งไปฝึกพลซุ่มยิงที่ต่างประเทศแล้วได้ใช้งานจริงในหลายๆ ภารกิจ
เมื่อครั้งที่ประเทศไทยวุ่นวายจากพวกคอมมิวนิสต์ ป๋าคือครูคนแรกและคนสำคัญของครูแสนและผู้พันเชียร และป๋าคือหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Dagger Chamber
วันพุธที่ 6 ตุลาคม 2009 ณ วัดแห่งนึงใน จ.พิจิตร
งานศพของป๋าถูกจัดเงียบๆ ตามคำขอก่อนป๋าจะสิ้นลม มีทหารไปร่วมงานไม่ถึง 100 คน
ผู้พันเชียร - "ไอ้เสือ มึงจะกลับมาอยู่กับกูก็ได้นะ"
ไอ้เสือ - "ครับ ขอบคุณครับผู้พัน แต่ผมขอเก็บไปคิดดูก่อนนะครับ เพราะยังมีเรื่องต้องทำอีก 2-3 อย่าง"
ผู้พันเชียร - "อืม กูมีที่ว่างให้คนมีความสามารถอย่างมึงเสมอ รีบๆ มาล่ะ .....ไอ้รุต มึงเห็นไอ้แสนมั้ย ?"
ผม - "ไม่เห็นเลยครับ ....งั้นเด๋วผมไปตามให้แล้วกัน" ผมเดินหาครูแสนจนทั่ววัดก็เจอครูแสนนั่งดูดบุหรี่ที่ศาลาริมแม่น้ำ
ผม - "ป๋าเป็นมะเร็งตายแต่ครูก็ยังมานั่งดูดบุหรี่อีกเนาะ"
ครูแสน - "ครั้งนึงกูกับป๋าเคยมาว่ายน้ำแข่งกันที่นี่ ว่ายข้ามไปข้ามมาใครได้มากสุดคนนั้นชนะ โดยมีมอไซต์ฮาเล่ย์คันงามของป๋าแกเป็นเดิมพัน"
ผม - "ผลล่ะ ?" ผมนั่งลงข้างล่างที่บันไดเด็ดดอกต้อยติ่งโยนลงน้ำให้มันแตกแป๊ะๆ
ครูแสน - "กูชนะ ป๋าแกว่ายไปช่วยลูกหมาตัวนึงที่กำลังจะจมน้ำตาย กูถามเค้าว่ามันคุ้มกันหรอที่ลูกหมา 1 ตัวแลกกับมอไซต์ฮาเล่ย์ 1 คัน ?"
ครูแสน - "ป๋าแกพูดว่า มันไม่เกี่ยวกับคุ้มไม่คุ้มแต่ผลที่ออกมาคือแฮปปี้ทั้งสองฝ่ายก็พอ .....ชัยชนะที่แลกมาด้วยชีวิตคือชัยชนะที่ไม่ยั้งยืน
ตอนนั้นกูก็รุ่นๆ มึงนี่แหละเลยเห็นมอไซต์คันนั้นสำคัญกว่าชีวิตลูกหมา จนถึงทุกวันนี้กูก็ยังคิดว่าป๋าแกงี่เง่ามาตลอดเลยว่ะ 5555 .....แต่ที่จริงแล้ว 
กูนี่แหละที่แพ้เค้า กูได้รถอย่างที่กูต้องการส่วนป๋าก็สบายใจที่ช่วยลูกหมาตัวนั้นไว้ได้ มันไม่เกี่ยวกับผล ...ว่าใครแพ้ใครชนะ ขอแค่แฮปปี้ทั้งสองฝ่ายก็พอ"
ครูแสนนั่งเหม่อสายตาล่องลอยอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน มองไปที่ต้นก้ามปูฝั่งตรงข้ามแล้วยิ้มน้ำตาร่วงจนผมเกือบร้องไห้ตามครูแสน
ผม - "ชัยชนะที่แลกมาด้วยชีวิตคือชัยชนะที่ไม่ยั้งยืน .....เพราะด้วยความเป็นมนุษย์เมื่อมีการสูญเสียก็ต้องมีการชดเชยกับสิ่งที่หายไป สุดท้ายก็ตามแก้แค้นกัน
ไม่เลิก .....กลายเป็นกงกรรมกงเวียนของการแก้แค้นที่ไม่มีทางสิ้นสุด ....แล้วผมจะจำเอาไว้" ครูแสนยิ้มเอามือลูบหัวผมอย่างที่เคยทำ
ค่ำวันนั้น ณ ถนนสายนึงที่มุ่งตรงไปยัง กทม.
นิโอ๊ะ - "ไอ้เสือมันเล่าให้กูฟังว่า ก่อนป๋าจะสิ้นลมป๋าแกเพ้อว่าเห็นไอ้แจ๊คยืนอยู่ปลายเตียง แถมพยาบาลคนนึงอ้างว่าเห็นผู้ชายใส่ชุดพรางยืนอยู่ตอนนั้นจริงๆ"
ครูแสน - "ไม่เห็นเหมือนที่กูเจอเลยแฮะ" ครูแสนบ่นพึมพำๆ เงียบๆ อยู่คนเดียวที่เบาะหลัง
ผม - "ห๊ะ ??? อะไรนะ ???" ผมหันกลับมาถามครูแสนด้วยความสงสัย
ไอ้สู้ - "ครูเจออะไรหรอ ? เจอป๋าหรือเจอไอ้เแจ๊ค ?"
ครูแสน - "ก็ทั้งคู่น่ะแหละ"
ผม - "ที่ศาลาริมน้ำใช่มะ ?"
ครูแสน - "ใช่ ยืนยิ้มแป้นใต้ต้นก้ามปูฝั่งตรงข้าม" ผมกับนิโอ๊ะที่ขับรถอยู่หันมามองหน้ากันด้วยสีหน้าหลอนๆ เพราะครูแสนเป็นคนที่ไม่เคยโกหกใคร ><
***************************
BY :  XIII Post : 2009-10-23

No comments:

Post a Comment