Thursday, 6 January 2011

บทที่ 28 " หิ่งห้อยและแสงจันทร์ "

ย้อนไปเมื่อช่วงต้นเดือนกรกฏาคม 2009 ........ ( ก่อนหน้าวันเข้าพรรษาประมาณ 2 สัปดาห์ )
วันรุ่งขึ้น เวลาประมาณ 1125 am ณ เมืองเก่า จังหวัดสุโขทัย
ผมกับทักมาถึงที่เมืองเก่ากันตอนเกือบเที่ยงแดดเปรี้ยงๆ เช่าจักรยานปั่นกันเล่นรอบเมืองเก่าจนตัวดำปี๋ ><
จากนั้นก็พาทักไปไหว้พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ในฐานะศิษย์เก่าที่เรียนไม่จบ 555 ( แต่ผมจบนะ เอิ๊กๆ ) ต่อด้วยศาลพระแม่ย่าแล้วก็เข้าไปที่บ้านผม
ใน ต.ปากพระ ผมพาทักเข้าไปกราบพระอาจารย์และหลวงพี่ลักษณ์เพื่อขอพรก่อนบวช หลวงพี่เลยดูดวงให้ปรากฎว่าไม่ค่อยดีสักเท่าไร
หลวงพี่ลักษณ์ - "เพื่อนเอ็งไม่ค่อยดีเลยว่ะไอ้น็อต ท่าทางจะเจออุบัติเหตุเจ็บหนักในเร็ววันนี้ ....ถ้าโชคร้ายก็ถึงตาย"
ผม - "โจ๊กป่าวหลวงพี่ ? เหอะๆ" แล้วผมก็โดนหลวงพี่ลักษณ์เอาปากกาเคาะหัว 1 ที ><
หลวงพี่ลักษณ์ - "เป็นพระมุสาได้ที่ไหนล่ะไอ้นี่ ทักมันมีคนอาฆาตแค้นมันอยู่ ทำงานช่วงนี้เป็นไงกันมั่งล่ะ ?"
ทัก - "ก็เรื่อยๆ น่ะครับหลวงพี่"
หลวงพี่ลักษณ์ - "ยังไงซะก็ระวังๆ ตัวไว้หน่อยก็ดีนะ เพราะมันจ้องเล่นงานเอ็งอยู่ตลอดเวลา"
หลังจากรับฟังข่าวร้ายจากหลวงพี่ลักษณ์ผมก็พาทักไปไหว้ญาติผู้ใหญ่ของผมที่บ้าน ทุกคนต่างเคยเจอทักกันแล้วหลายครั้งเลยดีใจที่ได้เจออีก
เวลาต่อมาที่ท่าน้ำริมระเบียงบ้านของแม่ผม
ผม - "เอาไงดีล่ะ .....จะกลับบ้านมั้ย ?"
ทัก - "ไม่เป็นไรหรอกน่า อยู่เที่ยวต่อนี่แหละ"
ผม - "ถ้าเกิดไรขึ้นมาเด๋วเอ็งจะไม่ได้บวชน่ะซิ"
ทัก - "เออน่า ไม่เป็นไรหรอก มีน็อตคอยระวังหลังให้ทักตลอดเวลาจะไปกลัวอีกอะไรล่ะ 555"
ผม - "พูดดีไป ....ขออย่าให้เกิดไรขึ้นก็แล้วกัน"
??? - "
อาน็อตๆ พาน้องปูเล่นน้ำหน่อย น้องปูอยากเล่นน้ำ" เด็กน้อยชั้นอนุบาล 2 วิ่งมาพร้อมห่วงยางอ้อนให้ผมพาลงเล่นน้ำในแม่น้ำยม
ผม - "อาน็อตขี้เกียจอ่ะ -*-" เจ้าปูตีหน้านิ่งปากเบะนิดๆ จนทักสงสารอาสาพาลงเล่นน้ำเอง หลานอีกคนเลยวิ่งมาสมทบด้วย ชื่อ "กุ้ง"
ทักเล่นน้ำกับหลานผมทั้ง 2 คนอย่างสนุกสนาน น่ารักไปอีกแบบแฮะที่ทักเล่นน้ำกับหลานผม ( ปกติทักจะชอบเล่นกับเด็กตัวเล็กๆ อยู่แล้วด้วย )
ผมดูไปก็อดยิ้มไม่ได้กับภาพของคนแปลกหน้าเมื่อหลายๆ ปีก่อนที่เล่าเรื่องลามกๆ กับคนที่เพิ่งรู้จักกันวันแรก ต่อมาก็เล่นเกมส์ด้วยกัน สนิทกันเรื่อยๆ
ผมไม่เคยคิดว่าระดับความสัมพันธ์ผมกับทักมันจะมาถึงขั้นนี้ ....ขออย่าให้เกิดอะไรที่ไม่ดีอีกเลย
ผม - ".....มาแอบดูลูกสาวตัวเองเล่นน้ำกับผู้ชายหรือไง ?"
??? - "
แน๊ะ รู้อีกละ เบื่อว่ะ" ผู้ชายร่างสูงเพรียวออกจากพุ่มไม้ริมตลิ่งที่ห่างจากผมประมาณ 4 เมตร ชื่อ "กบ" เป็นลูกพี่ลูกน้องของผมอีกคนนึงจากฝั่งแม่
พี่กบเป็นทหารรบพิเศษประจำอยู่ทางภาคเหนือที่จบหลักสูตร UDT หรือมนุษย์กบ ( สมชื่อแกเลย -*- ) และสไนเปอร์เหมือนกับผม
ผม - "ลมไม่พัดหญ้าที่ไหนมันจะขยับล่ะพี่เอ๊ย"
พี่กบ - "เห็นนั่งยิ้มๆ นึกว่าจะเผลอซะอีก มานานยังวะ ?"
ผม - "สักพักแล้วพี่ หิวข้าวว่ะ ที่บ้านพี่มีไรกินมั่งเนี่ย ? ทักเด๋วมานะเด๋วไปหาไรมาให้กิน"
ทัก - "เออๆ ขอบใจๆ" ทักก็ยังคงง่วนอยู่กับการเล่นน้ำกับหลานสาวตัวน้อยของผมอย่างสนุกสนาน
บ้านผมที่สุโขทัยก็ไม่ต่างอะไรจากบ้านทักที่นครสวรรค์ คือ ญาติๆ จะปลูกบ้านอยู่ในละแวกเดียวกัน ( แต่ของผมเยอะกว่า ) สามารถเดินหากันได้ตลอดเวลา 
พอถึงเวลาทานข้าวเย็นก็จะมานั่งรวมกันเต็มโต๊ะไปหมดซึ่งเป็นอะไรที่ผมชอบมากๆ เพราะทุกคนจะมีเรื่องคุยกันต่างๆ นาๆ เป็นที่สนุกสนาน
จนบางครั้งก็ลืมไปเลยว่ากำลังทานข้าวกันอยู่ไม่ใช่รายการนั่งยางเผาขน 555 ตัวทักเองก็บอกว่าชอบบรรยากาศแบบนี้เหมือนกันเพราะสนุกดี
ทางญาติๆ ผมก็ชอบทักกันมากเพราะทักเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนอัธยาศัยดีมีสัมมาคารวะกับผู้หลักผู้ใหญ่ ( แล้วผมก็โดนเปรียบเทียบกับทักจนได้ เหอะๆ )
ป้าผม - "วันนี้หิ่งห้อยน่าจะเยอะนะทัก ไม่ให้น็อตมันพาไปดูหน่อยล่ะ ?"
ทัก - "จริงหรอครับ ? มาตั้งหลายครั้งผมยังไม่เคยได้ดูตัวเป็นๆ สักที ...เฮ๊ย น็อต พาไปดูด้วยนะ"
ผม - "โห ทั้งไกลทั้งดึก หลับดีกว่าม๊างงงงง" และแล้วผมก็ทนเสียงรบเร้าจากทันมันไม่ไหวเลยต้องพาไปดูดงหิ่งห้อย
กลางดึกคืนเดียวกันเวลาประมาณเที่ยงคืนกว่า ( คืนนั้นไม่ได้มีอะไรกันเพราะต่างคนต่างเพลียจากกิจกรรมเมื่อตอนกลางวันกันทั้งคู่ )
ทักปลุกผมให้พามันไปดูดงหิ่งห้อยในป่า ต้องขี่มอไซต์ลุยป่าฝ่าดงพงหญ้าเข้าไปเกือบ 2 km แล้วยังต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 500 m ถึงจะได้ดู -*-a
ทัก - "นี่มัน .....อย่างกับฝันเลยว่ะ" พอมาถึงทักก็อุทานออกมาแล้วเดินเข้าไปช้าๆ ในดงหิ่งห้อย
ผม - "ถ้าจำไม่ผิดพวกญี่ปุ่นเชื่อว่าหิ่งห้อยคือวิญญาณของคนตายที่ยังวนเวียนอยู่ในโลกมนุษย์ ....ถ้าตายแล้วกลายเป็นสิ่งสวยขนาดนี้ก็ดีน่ะซิ"
ผมนั่งลงกอดเข่าดูทักยืนมองหิ่งห้อยเหล่านั้น สักพักทักเดินมานั่งข้างผมแล้วเด็ดใบไม้มาเป่าเป็นเพลงที่ผมชอบ ( เพลงจากเรื่องตะลุมพุกที่พระเอกชอบเป่า )
ทัก - "ถ้าพวกนี้คือวิญญาณของคนที่ตายแล้ว ....จะมีคนที่เรารู้จักอยู่ในนี้มั่งมั้ยนะ ?" ใบหน้าของบรรดาเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่ตายไปแล้วผุดขึ้นมาในหัวผม
จนผมห้ามน้ำตาเอาไว้ไม่ไหวหยดลงมา 2-3 หยด ทักหันมามองกอดคอผมแล้วส่งใบไม้ให้ผม 1 ใบ
ทัก - "แด่ทุกคนที่เคยร่วมรบกับเรา ....ขอให้พวกเขาหลับฝันดี" ผมเป่าใบไม้เป็นเพลงทั้งน้ำตาท่ามกลางฝูงหิ่งห้อยนับไม่ถ้วนที่รายล้อมผมกับทัก
ตอนนั้นผมคิดถึงเพื่อนๆ ทุกคนที่ตายไปแล้วมากจนเป่าต่อไม่ไหวนั่งก้มหน้าร้องไห้อย่างเดียว แล้วเรื่องแปลกๆ ก็เกิดขึ้นเมื่อหิ่งห้อยฝูงนึงเข้ามาเกาะที่ตัวผม
เป็นจำนวนมาก ทักตกใจมากจนขยับตัวหนีออกไปหน่อยนึง ผมคิดว่าหิ่งห้อยเหล่านั้นอาจจะเป็นวิญญาณของพวกเพื่อนๆ ผมก็เป็นได้ ....ผมดีใจมาก
ผม - "หวัดดี ....ทุกคน ....กู ....คิดถึงพวกมึงมากนะ" ลมพัดเบาๆ เป็นไอเย็นมาปะทะตัวผมเรื่อยๆ แต่หิ่งห้อยเหล่านั้นก็ไม่ได้บินหนีไปไหน
ผมกลั้นใจเป่าใบไม้เป็นเพลงต่อให้จบ เมื่อจบเพลงพวกหิ่งห้อยเหล่านั้นก็บินหายไปกับความมืด เหลืออยู่ 1 ตัวที่เกาะตรงแหวนเงินนิ้วนางข้างขวา
ผมถึงกับร้องไห้ใหญ่เลยทีนี้เพราะแหวนวงนี้เป็นแหวนที่พวกผม 4 คน ( ผม,นิโอ๊ะ,ไอ้สู้และไอ้แจ๊ค ) ใส่กันไว้เพื่อแสดงถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
สักพักหิ่งห้อยตัวนั้นก็บินขึ้นฟ้าแล้วแสงของมันก็ดับวูบหายไปท่ามกลางความมืด ผมนั่งนิ่งท่ามกลางความมืดนั้นอยู่แปปนึงทักก็ชวนผมกลับบ้าน
ขากลับต้องผ่านดงไผ่ประจวบเหมาะที่คืนนั้นแสงจันทร์สาดแสงลงมาลอดผ่านกิ่งไผ่สวยงามมากทักเลยขอนั่งเล่นแปปนึงที่แคร่ซึ่งผมก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร
ผม - "....นี่ๆ ไม่ต้องมาทำตาหวานเลย อย่าแม้แต่จะคิด"
ทัก - "อะไร ? รู้ได้ไงว่าทักคิดไรอยู่ ? หึ๊ ???"
ผม - "สายตามันฟ้องว่ะ เหอะๆ"
ทัก - "มืดขนาดนี้ใครจะมาเห็นล่ะ ?" ทักขยับตัวโอบไหล่จูบปากผมแล้วกดตัวผมลงกับแคร่ ผมก็ขัดขืนนิดหน่อยพอเป็นพิธีเพราะแปลกที่สุดท้ายก็ยอม 555
ทักดูดปากแลกลิ้นกับผมอย่างแผ่วเบาท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาจากข้างบนที่ลอดผ่านบรรดากิ่งไผ่ที่ไหวเอนตามแรงลมอ่อนๆ ยามค่ำคืน ...โอ๊ววว
ผม - "มันแปลกๆ ว่ะ ค่อยกลับไปต่อกันที่บ้านดีกว่ามั้ย ?" ทักเลื่อนปากลงไปไซร้คอผมเลยมีโอกาสพูด
ทัก - "อื้ออออ ตรงนี้แหละ .....ขอ 10 นาที แปปเดียวๆ" เออวะ ว่าไงก็ว่างั้น ( ขอโทษทีก๊าบท่านเจ้าป่าเจ้าเขา >< )
ทักดึงเสื้อผมขึ้นไปไว้ที่คอแล้วไซร้หน้าอกทั้งซ้ายและขวาไล่ลิ้นจนไปถึงหน้าท้องที่เป็นซิกแพ็คของผม สักพักทักก็ดึงตัวผมขึ้นนั่งผมเลยโอบเอวทักแล้ว
ไซร้ลงไปที่หน้าท้องเลื่อนลงไปจนถึงบริเวณเป้าที่กำลังแข็งโด่นูนเป็นลำตั้งขึ้นอยู่ในกางเกงบอลสีขาว ผมดึงกางเกงบอลและกางเกงในทักลงจนถึงหัวเข่า
แล้วจัดการอมรูดดูดลำท่อน .357 ของทักไปจนทั่ว ทักก็ยืนเอามือรั้งหัวผมไว้ให้เข้าออกตามจังหวะการแอ่นเอวของตัวเองอย่างช้าๆ
ทักยืนเกร็งหน้าท้องเกร็งขาเงยหน้าซี๊ดปากครางอื้ออ้าในลำคอเบาๆ ผมอมรูดดูดลำท่อน .357 ของทักไปทั่วรวมถึงพวงไข่ทั้งสองข้างที่ห้อยโตงเตง
อยู่ตรงหว่างขาส่วนทักก็ยืนแอ่นเขย่งเท้าเพื่อให้ผมเอาลิ้นซุกไซร้เข้าไปข้างใต้พวงไข่ได้ง่ายขึ้น สักพักทักจับผมลุกขึ้นยืนแล้วดูดปากแลกลิ้นกับผมอีกครั้ง
ก่อนจะถอดกางเกงบอลสีดำของผมลงไปไว้ที่ข้อเท้าแล้วถอดเสื้อของตัวเองปูไว้ที่แคร่ก่อนจะดันตัวผมลงไปนอนพร้อมยกขาผมทั้งสองข้างขึ้นสูง
แล้วซุกหน้าเลียที่พวงไข่และรูของผมจนเปียกชุ่มไปด้วยน้ำลาย จากนั้นทักก็เอาน้ำลายบ้วนใส่มือของตัวเองแล้วชะโลมไปทั่วลำท่อน .357 ของตัวเองจนทั่ว
แล้วค่อยๆ ยัด .357 เข้ามาที่รูของผมเรื่อยๆ ช้าๆ จนเข้าไปได้สักครึ่งลำทักก็ขยับที่ทางให้เข้าที่แล้วค่อยๆ ดัน .357 เข้ามาต่อจนสุดความยาวขนาด 7"
ทักโน้มตัวลงมาดูดปากผมแล้วค่อยๆ กระเด้าเอวจากช้าเนิบๆ ไปเร็วขึ้นๆ จนแคร่ขยับดังเอี๊ยดๆ ทักเล่นท่านี้อยู่นานพอสมควรคงเมื่อยก็เลยเปลี่ยนท่า
ผมให้ผมยืนในท่าก้มเก็บสบู่เอามือเท้าแคร่แล้วทักสอด .357 เข้ามาจนสุดความยาวในทีเดียวเอามือรั่งสะโพกผมไว้แล้วกระแทกเรื่อยๆ อย่างเร็วจี๋
ทักเอื้อมมือมาสาวว่าวให้ผมแบบเน้นๆ ไปพลางๆ ซึ่งเป็นจังหวะที่สอดคล้องกับทักที่กำลังกระแทก .357 เข้ามาในรูผมอย่างต่อเนื่องจนผมเสียวสุดๆ
ผมเกร็งไปทั้งตัวจนขาสั่นด้วยความเสียวเพราะมือที่ทักกำลังสาวว่าวให้อย่างเน้นๆ และเสียวที่รูเพราะ .357 ของทักกำลังพุ่งเข้าพุ่งออกอย่างเร็วและแรง
ทักโน้มตัวลงมากอดผมแน่นแล้วไซร้ที่ไหล่และหลังคอผมดูดดังจ๊วบๆ มือไม้ทั้งกอดและสาวว่าวให้ผมอย่างเน้นๆ ส่วนเอวก็กระเด้าอย่างถี่ยิบดังตับๆๆ
ทักขยับตัวมานั่งที่ขอบแคร่เพื่อเปลี่ยนให้ผมขึ้นข้างบนมั่ง ทักเอนตัวเอามือยันไว้ผมขย่มลงไปแบบขึ้นสุดลงสุดจากช้าแล้วก็เร็วขึ้นเรื่อยๆ จนทักซี๊ดปากเล็กๆ
ทักเกร็งหน้าท้องเกร็งขาแอ่นเอวค้างไว้แล้วเอามือมากอดตัวเอวกอดตัวหน้าซุกหลังผมแน่น ทักเอื้อมมือมาชักว่าวให้ผมอีกรอบคราวนี้ผมเสียวสุดๆ จนแตก
พร้อมกับทัก .....โผล๊ะ !!! ....ทั้งผมและทักลงไปกองกับพื้นทั้งคู่เพราะแคร่หัก 555 ผมกับทักนอนหัวเราะกันอย่างฮา ทักลุกขึ้นพยุงผมปัดตามเนื้อตามตัวให้
แล้วส่งเสื้อผ้าให้ผมก่อนจะพากันเดินกลับไปที่มอไซต์ที่ห่างประมาณ 500 m
เช้าวันรุ่งขึ้นผมกับทักและน้องๆ หลานๆ ก็พากันวิ่งออกกำลังกายตอนเช้าเป็นระยะทางประมาณ 6 km ( ไปกลับ 12 lm )
จากนั้นผมก็พาทักไปเที่ยวตามวัดและสถานที่สำคัญต่างๆ ในจังหวัดสุโขทัย ( ขนาดมีแผนที่นำเที่ยวมันยังพาผมหลงขับวนไปวนมาซะได้ เหอะๆ -*-a )
กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็ดึกๆ อาบน้ำกินข้าวและเล่นเกมส์กับพวกน้องๆ ขณะที่กำลังจะมีอะไรกันในรอบดึก พ่อทักโทรมาบอกถึงฤกษ์บวชที่จะถึงอีกไม่กี่วัน 
นั่นก็หมายความว่าพรุ่งนี้ทักต้องกลับบ้านที่นครสวรรค์และเตรียมตัวเข้าไปอยู่ที่วัดในฐานะ "นาค" ทักวางสายจากพ่อเสร็จไม่พูดอะไรนอนกอดผมแน่น
ทัก - "กะว่าจะบวชแค่ 7 วัน ....แต่พ่อให้บวชตั้ง 1 พรรษาแน่ะ"
ผม - "ดีออก บวชนานบุญเยอะ ....อีกอย่างถ้าบวชช่วงเข้าพรรษาใครๆ เค้าก็อยู่กันจนออกพรรษาทั้งนั้นแหละ"
ทัก - "โถ่ น็อตไม่ใช่ทักไม่รู้หรอก มาทำเป็นพูดดี" ทักพลิกตัวมากัดหูผม ผมเลยชกเข้าหน้าไปซะ 1 ที
ผม - "ทำไมจะไม่รู้ล่ะ ก็ตอนบวชนี่ยังบวชตั้ง 3 เดือนพอดีเลย เอาน่าๆ ขำๆ"
ทัก - "ขำไม่ออกอาเด่ะ" ทักพลิกตัวขึ้นคร่อมผมกอดแล้วก็ไซร้ที่คอทั้งซ้ายขวาและหลังหูกัดหูผมจนจั๊กจี้หัวเราะก๊ากดิ้นพล่านไปทั่วเตียง
ผม - "ร้อยตรี ...( ชื่อ-นามสกุล ) ... รับสายครับ ......เชี่ย !!! มึงเอาเบอร์ใครโทรมาวะ ? ....เออๆ แปปนึงๆ กูเล่นด้วยๆ ....อยู่ๆ ....ทักเล่น DotA กัน ไอ้สู้ชวน"
ผมพลิกตัวขึ้นคร่อมทักเอาขาล็อคแขนแล้วก้มตัวลงไปกัดหูทักมั่ง ( ตอนนั้นไอ้สู้ยังไม่วางสายนะ มันถามว่าพวกผมทำเชี่ยไรกันอยู่เสียง x มาก 555 )
ทักดีดดิ้นร้องจ๊ากลั่นห้องแล้วผมก็โดดลงเตียงไปเอาโน๊ตบุ๊คในเป้มาต่อ net รอเล่น DotA กับไอ้สู้ ส่วนทักก็ลุกขึ้นไปเปิดคอมพ์ log in เข้า ID รอเล่นเช่นกัน
(
ก่อนไปเปิดคอมพ์ทักยังลอบมากัดหูผมจากด้านหลังอีกรอบนึง ....เจี๊ยกกก >< )
สายๆ วันต่อมา เวลาประมาณ 1145 am
ขณะที่ทักจอดรอสัญญาณไฟจาก 3 แยกแห่งนึงระหว่างทางเข้าหมู่บ้านทักก็มีมอไซต์คันนึงเข้ามาตีกระจกประตูและกระจกส่องข้างทางฝั่งผมจนหลุด
ผม - "ไม่มีทะเบียนแถมใส่หมวกกันน็อค ....รู้มากนักนะ" ผมหยิบปืนในเป้ใส่แมกกาซีนขึ้นลำกล้องออกไปเล็งกะเอาให้กลิ้งร่วงถนน
??? - "
หยุด !!! วางปืนลงแล้วหมอบลงกับพื้นเด๋วนี้ !!!" ตำรวจจราจรประจำป้อมที่ 3 แยกนั้นออกมาตะโกนใส่ผมให้ทิ้งปืนลงแถมเล็งปืนมาที่ผม
ทักก็เลยวิ่งมาข้างๆ ผมเพื่ออธิบายให้ฟังแต่ตำรวจนายนั้นก็ไม่ยอมฟังจะให้หมอบลงกับพื้นอย่างเดียว ผมเลยถอดแมกกาซีนแล้วเอาไปวางที่กระโปงหน้ารถ
ขึ้นลำกล้องอีกครั้งเพื่อเอากระสุนในรังเพลิงออกแล้วเอาไปวางรวมกันทั้งหมด ตำรวจนายนั้นค่อยๆ ย่างเท้าเข้าหาผมและทักอย่างระมัดระวัง
ผม - "นี่ๆ ไม่ต้องระแวงมากนักหรอกนะ ผมไม่มีอาวุธแล้ว" ตำรวจนายนั้นหยิบกุญแจมือจากด้านหลังแล้วโยนให้ผมใส่เองบอกให้หมอบลงไปกับหน้ารถ
ตำรวจนายนั้นเล็งปืนมาที่ผมอย่างไม่ลดละแล้ว ว. แจ้งเหตุขอความช่วยเหลือจาก สน. ที่อยู่ไม่ไกลนัก ไม่ทันไรตำรวจนายนั้นก็หน้าตาตื่นตะโกนให้หลบ
ผมเงยหน้ามองเห็นรถกระบะที่กำลังเลี้ยวมาทางนี้พุ่งเข้ามาอย่างเร็วทางด้านขวาของรถผมหมายจะชน ผมเลยถีบทักให้ออกห่างจากหน้ารถทันที .....โครม !!!
ภาพทุกอย่างเบลอไปหมด จากมุมมองที่ผมกำลังดูอยู่ก็รู้ได้เลยว่าตัวเองนอนกองอยู่กับพื้น .....อ๊ะ ตำรวจคนนั้นทำไมมานอนตรงนี้ล่ะ ??? .....เลือด ???
เสียงไรวะนั่น ? คุ้นๆ หูแฮะ ....เสียงปืนนี่หว่า !!! ผมเห็นทักหลบหลังป้อมยิงต่อสู้กับใครก็ไม่รู้แล้วตะโกนมาทางผม แต่ผมไม่ได้ยินเพราะเบลอไปหมด 
ผมพยายามพลิกตัวไปหยิบปืนจากมือตำรวจนายนั้นที่นอนจมกองเลือดอยู่ข้างๆ ผม ....อ้าว โดนยิงนี่หว่า !!! เค้ายังไม่ตายแต่ก็ร่อแร่เต็มทีแล้วล่ะ
ผมหันไปยิงป้องกันตัวเพื่อลุกขึ้นแล้ววิ่งเซๆ เข้าไปหลบกับทักที่หลังป้อมทั้งๆ ที่เจ็บระบมไปทั้งตัวเพราะการชนตะกี้ทำให้รถของทักกระแทกตัวผมอย่างจัง
ทัก - "เป็นไรมากป่าว ?" ทักส่ง tool pix ให้ผมสะเดาะกุญแจมือ ไม่ถึง 5 วินาทีมือทั้งสองข้างของผมก็เป็นอิสระ
ผม - "ลองโดนดูมั่งเด่ะ ....เจ็บขาตะหงิดๆ แฮะ" ผมก้มดูขาข้างขวาว่าหักหรือป่าว ? .....โชคดีที่ยังปกติอยู่ T_T
ทัก - "ไม่รู้ว่าพวกไหนแต่ยิงทิ้งให้หมดแล้วเหลือไว้สักคนค่อยเอามาถามก็แล้วกัน" ผมเอามือปัดปืนทักลงไม่ให้ยิงเพราะเสียงหวอรถตำรวจดังลั่นมาแต่ไกล
ไอ้พวกนั้นเลยถอยรถแล้วรีบขับหนีกันไปอย่างรวดเร็ว พอตำรวจเข้ามาเคลียร์พื้นที่ที่เกิดเหตุขาผมก็อ่อนทรุดฮวบลงกับพื้นแต่โชคดีที่ทักเข้ามาพยุงไว้ได้ทัน
ทัก - "พ่อ !!! ช่วยน็อตก่อน น็อตโดนรถชน" เออใช่ กูโดนรถชนนี่หว่า อยู่ดีๆ โรคสำออยของผมก็กำเริบ 555 หน้ามืดตามัวไปหมดแล้วก็ดับวูบลงไปเลย
.......
...........
................
....................
.........................
............................
กลิ่นนี้นี่มัน .....โรงพยาบาลนี่นา เฮ้อ รอดตายแล้วกู .....ไม่ก็ห้องเก็บศพ *0* ผมพยายามลืมตาขึ้นทันทีแต่ก็ทำไม่ได้เพราะหนักตาไปหมด
??? - "
คนไข้หยุดหายใจแล้วค่ะหมอ ....ชีพจรก็หยุดเต้นแล้วด้วยค่ะ" เฮ๊ยๆ เจ๊ๆ ผมยังหายใจอยู่นะ .....ผมยังไม่ตายโว๊ยยยยย ><
??? - "
เคลียร์ !!!" เหี้ยแล้วไง *.* ไม่นะ อ๊ากกกกกก *0* ผมรวบรวมความพยายามเฮือกสุดท้ายที่จะลืมตา ....ในที่สุดก็ทำได้
ผม - "อย่า !!!" ผมตะโกนลั่นห้อง ER จนทุกคนในห้องหันมามองผมแล้วหันกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ  ....อ้าว ไม่ใช่กูหรอกหรอ ? ตกใจหมด -*-a 
พวกหมอและพยาบาลพยายามยื้อชีวิตตำรวจนายนั้นต่ออย่างเคร่งเครียด ผมนอนลงแล้วหันไปมองนาทีชีวิตของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนึงอย่างหดหู่ใจ
และแล้วเสียงตี๊ดยาวๆ ก็ดังขึ้นผมเลยหันกลับมาหลับตาแล้วแผ่เมตตาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนายนั้น ....ขอให้ไปสู่สุขคติ
อ๊ะ ทำไมตาหนักๆ อีกแล้ววะ ? ง่วงชิบ ....หาย ....เลย ........ Zzzz
.......
เสียงใครเรียกวะ ? คุ้นๆ แฮะๆ อ๋อ ....ทักนี่นา ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ก็เห็นทักนั่งอยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้ากังวลปนดีใจ
ผม - "ทำหน้าอย่างกับเห็นคนพิการแน่ะ ช่วยบอกทีว่าขายังอยู่ครบทั้งสองข้าง ...ไม่กล้าดูว่ะ T_T"
ทัก - "หมอ .....จำเป็นต้อง ......ตัดขาน็อตทิ้งไปข้างนึงเพราะ ......." ผมลุกขึ้นดูขาตัวเองอย่างรวดเร็วเพราะตกใจกบสิ่งที่ทักบอกมากๆ
ผม - "ไอ้ทักบ้า ฮือๆ T_T" เฮ้อออออ ยังอยู่ครบถึงจะเข้าเฝือกก็เถอะ >< ผมเอาหมอนฟาดทักเป็นชุดด้วยความอายส่วนทักก็หัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน
ทัก - "ขอบใจนะ ....ขอบใจมากๆ" ทักปัดหมอนออกแล้วกดผมแน่น
ผม - "ไม่เป็นไร ....แต่คงไปงานบวชทักไม่ได้แล้วล่ะ ดูเด่ะ เดินไม่ได้ซะละ เฮ้ออออ" ทักตีหน้าเศร้าทันที
ผม - ".....เอาเป็นว่าพอทักเป็นพระเด๋วค่อยไปหาก็แล้วกันเนาะ เพราะยังไงก็ไม่รีบสึกนี่นา 555" ทักไม่ยิ้มไม่พูดอะไรสักคำนั่งก้มหน้าจับมือผมแน่น
ผม - "ก็ได้ๆ จะพยายามหายให้ไวที่สุดแล้วจะไปถือร่มตอนเดินวนรอบโบสถ์ให้ โอเคนะ ?"
ทัก - "อื้อ สัญญานะ แล้วทักจะรอ"
ผม - "ไม่สัญญาแต่จะพยายาม .....แล้วก็จะพยายามมากๆ ด้วย"
1
สัปดาห์ต่อมา ณ วัดๆ นึงในจังหวัดนครสวรรค์
ผม - "ทำอย่างนี้ไม่ถูกนะนาค ให้คนอื่นมาถือร่มตัดหน้าผมได้ไงเนี่ย ?" นาคทักหันมามองแล้วยิ้มน้ำตาคลอเบ้าทันทีที่เห็นผม 
ผู้คนมากมายมากันจนแน่นบริเวณวัดไปหมดเพื่อเป็นสักขีพยานกับการบวชของนาคทัก ผมเดินถือร่มให้นาคทักจนครบทั้ง 3 รอบแล้วก็กลับมานั่งที่ม้านั่ง
ด้วยอาการทรมานสุดๆ จนไอ้สู้และนิโอ๊ะต้องเข้ามาพยุง
นิโอ๊ะ - "ดูขาหน่อย ......อืม ไม่ค่อยดีเลยว่ะ อย่าฝืนมากไปล่ะ เด๋วจะแย่เอา"
ไอ้สู้ - "อะไรก๊านนนนน ดีใจจนน้ำตาไหลเลยหรือไงที่เห็นทักมันบวช 555"
ผม - "ดีใจควยไรล่ะ เจ็บชิบหาย" ผมเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตาแห่งความเจ็บปวดจากขาขวาออกจนหมด T_T
ไอ้เล็ก - "โปรยทานแล้วๆ เด๋วไปเก็บมาเผื่อนะ" ไอ้เล็กวิ่งผ่าฝูงชนเขาไปแย่งทานกับเด็กและคนอื่นๆ จนผมอดขำไม่ได้
ผมนั่งมองนาคทักโปรยทานที่หน้าโบสถ์สักพักก่อนจะหายเข้าไปข้างในอยู่พักใหญ่ๆ พอออกมาอีกทีก็กลายเป็นพระภิกษุสงฆ์ไปซะแล้ว
************************
2
วันต่อมา เวลาประมาณ 1147 pm ณ บ้านกระท่อมในสวนแห่งนึงใน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี
ความมืดและความรกในสวนช่วยปกปิดการเคลื่อนไหวของทหารรบพิเศษฝีมือโปรทั้ง 4 นายเป็นอย่างดี 
จึงไม่ยากที่พวกเค้าจะเข้าประชิดตัวเป้าหมายทั้ง 4 คนที่กำลังตั้งวงกินเหล้ากันไม่ถึง 10 นาที
ไอ้เล็ก - "จะเข้าพรรษาแล้วยังกินเหล้ากันอีกหรอ ?" ไอ้เล็กเอามีดจ่อคอวัยรุ่นคนนึงที่กำลังยืนเยี่ยวในความมืด อีกคนตกใจกำลังจะวิ่งหนีแต่ก็ไม่รอด
ไอ้สู้ - "หาตัวยากชิบหายเลยนะพวกมึง !!!" ผลัก !!! ....พานท้ายปืน HK 33 หรือ ปลย.11 กระแทกเข้าหน้าของวัยรุ่นคนนั้นจนหัวทิ่มเลือดกลบปาก
??? - "
เฮ๊ย !!! ไปเยี่ยวหรือไปทำเหี้ยไรกันวะ ? นานชิหาย เฮ๊ยยยยย" เสียงผู้ชายคนนึงตะโกนถามเพื่อนทั้ง 2 คนที่หายไปในความมืด ....เสียงนั่นคุ้นหูผมมาก
ผม - "หวัดดีพีท เรามีเรื่องต้องคุยกันยาวเลยว่ะ"
BY :  XIII Post : 2009-09-08

No comments:

Post a Comment