Tuesday, 11 January 2011

บทที่ 32 " First Blood "

ถ้าคุณเคยเล่นเกมส์ออนไลน์เกมส์นึงที่ชื่อ Dot A คุณจะรู้ความหมายของคำว่า First Blood นั่นก็คือการฆ่าฝ่ายตรงข้ามได้คนแรกของเกมส์รอบนั้น
ขอไว้อาลัยแด่บรรดาผู้ที่ถูกผม First Blood ในชีวิตจริง
หมายเหตุ : เรื่องราวที่ผมจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่อง sex แต่อย่างใด เป็นประสบการณ์ในการทำงานครั้งแรกของผมที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน
เรื่องราวทั้งหมดฟังดูอาจเหลือเชื่อ ถ้าท่านไม่เชื่อก็คิดซะว่ากำลังอ่านนิยายสนุกๆ หรือไม่ก็ข้ามไปอ่านเรื่องของคนอื่นเลยก็แล้วกัน
แต่ถ้าท่านเชื่อ .....ก็จงรู้ไว้ว่า "คนที่ทำเพื่อประเทศชาติและทำเพื่อคนอื่นอย่างแท้จริงมันมีหลงเหลืออยู่อีกหลายคนในประเทศไทย" ......
********************
ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ช่วงเดือนเมษายน
เวลาประมาณ 0200 pm ณ ตึกแห่งนึงในลพบุรี
สัญญาณมือถูกนำมาใช้เพื่อความเงียบ ลำดับและวิธีการปฏิบัติ ทุกคนตั้งใจดูอย่างเคร่งเครียดเพราะถ้าพลาดนั่นหมายถึงชีวิตของตนเองหรือเพื่อนร่วมทีม
หัวหน้าทีมเริ่มนับถอยหลังด้วยภาษามือ 3 2 1 การบุกเข้าชาร์จอย่างรวดเร็วและการยิงที่แม่นยำคือหัวใจหลักของ CQB ( Close Quater Battle ) ไม่ถึง 5 วินาที 
ทุกอย่างก็เรียบร้อย ข้าศึกทั้ง 4 คนล้มลงไปนอนกองกับพื้น เหลือแค่ตัวประกันที่นั่งเหวออยู่ทางด้านหลัง
ไอ้สู้ - "เคลียร์!!!" เสียงเพื่อนผมตะโกนบอกคนอื่นให้ทราบว่าห้องนี้เรียบร้อยแล้ว
นิโอ๊ะ - "ตัวประกันปลอดภัยดี ไม่ได้รับบาดเจ็บ .....ใช่ไหม ?" พอนิโอ๊ะเดินไปเปิดหน้าตัวประกันสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
ไอ้แจ๊ค - ".......นี่ไม่ใช่ตัวประกัน นี่มัน......" เสียงเหมือนกระป๋องเหล็กดังแก๊งๆ มาจากประตูด้านนอก กลิ้งมาจนถึงกลางห้อง
ผม - "Flash!!!" ผมตะโกนบอกเพื่อนว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกโยนเข้ามา ทุกคนหาที่กำบังกันอย่างรวดเร็ว หลังโซฟา หลังโต๊ะ หลังตัวประกันและหลังประตู
การจู่โจมเริ่มขึ้นอีกระลอก มี 2 คนเดินเข้ามายิงเพื่อนร่วมทีมโดยไม่ทันสังเกตุว่าผมหลบอยู่ที่หลังประตู การต่อสู้ระยะประชิดตัวจึงเริ่มขึ้น
ทั้งคาราเต้และไอกิโดถูกนำมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ ผมที่หลบอยู่ข้างหลังเล่นทีเผลอจึงได้เปรียบ เสร็จไป 2 แต่เหลืออีกเท่าไรก็ไม่รู้ ....ถอยดีกว่า
ผมปิดประตูแล้วเอาเก้าอี้จากตัวประกันมาดันประตูไว้ไม่ให้พวกที่เหลือเข้ามา
ไอ้แจ๊ค - "ระเบียงๆ ไปที่ระเบียง" ประตูถูกกระแทกอย่างแรงแสดงถึงความต้องการจะเข้ามาให้ได้อย่างมาก ระเบียงแต่ละห้องห่างกันประมาณเมตรกว่าๆ
จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะกระโดดไปตามระเบียงเรื่อยๆ จนสุดอาคาร พวกผม 4 คนเปิดประตูเข้าไปที่ห้องๆ นึงที่อยู่ริมสุดของตัวอาคาร 
??? - "
จะให้ผ่านดีไหมเนี่ย ? หึ๊ เล่นโดดเข้ามาจนถึงห้องกรรมการอย่างนี้ เฮ้อ" เสียงชายหนุ่มวัยกลางคนในชุดทหารลายพรางนั่งดูจอมอนิเตอร์พลางจิบเบียร์กระป๋อง
คนในห้องนั้นบางคนก็หัวเราะแต่บางคนตีหน้ายักษ์ใส่พวกผม โดยเฉพาะผู้พันเชียร ทหารหนุ่มวัยกลางคนเจ้าระเบียบสุดเฮี๊ยบขี้บ่นขี้โวยวายปากร้ายแต่ใจดี
ผู้พันเชียร - "......ไอ้เด็กเปรต เล่นโดดมาจนถึงห้องนี้กันเลยนะ กูให้พวกมึงตกแน่ๆ 555"
??? - "
เอาน่าๆ อย่างน้อยออกมาจากห้องนั้นแล้วเปอร์เซ็นต์รอดก็เพิ่มอีกตั้งเยอะ ทีมเวิร์คบวกการตัดสินใจที่รวดเร็วเด็ดขาดนี่ซิ ยอดเยี่ยมมากทุกคน"
ผม,ไอ้สู้,ไอ้แจ๊คและนิโอ๊ะ - "ขอบคุณครับครูแสน!!!" พวกผม 4 คนตะเบ๊ะแล้วถอดหน้ากากยืนยิ้มกันหน้าระรื่น
??? - "
ไอ้เด็กบ้า ไอ้หน้าเหลี่ยม แม่งไม่มีการออมมือกันเลยนะ ทั้งพานท้ายทั้งมือทั้งศอกทั้งตีน มาครบเลย ไอ้เชี่ย ปากแตกเลยกู" เสียงชายหนุ่มในชุดทหารลายพรางโพกผ้าสีแดง
เดินเข้ามาแบบสะบักสะบอมชื่อพี่เทียน อีกคนก็เดินตามมาติดๆ มือถือถุงน้ำแข็งประคบเข้าที่จมูกแหงนหน้าแล้วเดินมาเตะผม ชื่อพี่รุ่ง
พี่รุ่ง - "ไอ้เหี้ยนี่แม่งล่อซะกูกำเดาออกเลย หมดหล่อเลยกู"
ผม - "เฮ๊ย ผมขอโทษๆ ผมไม่ได้ตั้งใจ พอดีผมจริงจังไปหน่อย โทษทีนะพี่เทียนพี่รุ่ง แงๆ ผมขอโทษๆ" ผมยกมือไหว้พวกแกประลกๆ เข้าไปนวดแข้งนวดขาเป็นการขอขมา
แก 2 คนก็เอามือลูบหัวผมแล้วยิ้มๆ ไม่ได้พูดอะไรแต่เขกหัวผมคนละที -*- พี่ทั้งสองคนนี้เป็นคล้ายๆ กับพี่เลี้ยงที่คอยดูแลพวกผม 4 คนตอนฝึกพิเศษที่ลพบุรีในคอร์ส AT ( Anti Terroist )
พี่รุ่งกับพี่เทียนเป็นมือฉมังของ พัน.ปพ. ( ปฏิบัติการพิเศษ ) ที่เชี่ยวชาญเรื่อง AT เป็นอย่างมาก ( เคยถูกส่งไปฝึกกับพวก CIA มาแล้ว ) ครูแสนเลยให้มาช่วยเป็นคู่ซ้อมกับพวกผม 4 คนกันบ่อยๆ
ปกติพวกผมจะโดนแก 2 คนเล่นยับ ก็มีคราวนี้แหละที่ทำให้แก 2 คนเจ็บตัวได้ นับว่าแปลกดีบวกดีใจ เอิ๊กๆ
ครูแสน - "เรื่องตัดสินว่าพวกเอ็ง 4 ตัวจะผ่านไม่ผ่านค่อยว่ากันอีกที แต่ตอนนี้ไปก๊งกันดีกว่า เบียร์แค่ 4 กระป๋องแม่งไม่ถึงใจเลยว่ะ ไอ้เชียรเลี้ยงๆ 555" ครูแสนเดินไปกอดคอผู้พันเชียรหัวเราะเอิ๊กๆ
ผู้พันเชียร - "เหอะๆ เลี้ยงควยไรล่ะ กูจะให้พวกมันตกอยู่เนี่ย อืมมม ส่งไปซ่อมภาคสนามน่าจะดี" พวกผมออกจะดีใจที่ได้ยินว่าจะไปซ่อมภาคสนามและเสียใจนิดๆ ที่รู้ว่าตัวเองตก AT -*-
 2
วันต่อมา ที่ความสูง 12,000 ft เวลา 0733 am น่านฟ้าประเทศไทย จังหวัดตาก
ครูแสน - "ไอ้เหี้ยเชียรมันคิดอะไรของแม่งวะ ให้กูมากับพวกมึงแถมต้องโดดร่มอีก" ครูออกแนวเซ็งๆ ที่มาด้วยก็จริง แต่ผมแอบรู้มาจากพี่ที่ บก. ว่าครูแกไม่ได้ปฏิเสธผู้พันเชียรที่ให้มาคุมพวกผม
ไอ้แจ๊ค - "น่าจะถึง DZ แล้วนี่หว่าแต่สัญญาณไฟยังสีแดงอยู่เลยแฮะ สีแดงๆๆๆๆๆ สีเขียว!!! ผมไปก่อนนะ" แล้วไอ้แจ๊คก็พุ่งตัวออกไปคนแรก
ผม - "อ๊ะ ไอ้เชี่ยนี่ไม่รอกันเลย งั้นเด๋วเจอกันข้างล่างนะ" ผมตามไปคนที่ 2 นิโอ๊ะคนที่ 3 ไอ้สู้คนที่ 4 ส่วนครูแสนเป็นคนสุดท้าย
ถ้าใครที่เคยโดดร่มลงภูเขาในเขตป่าทึบจะรู้ถึงความมันส์เวลาลงถึงพื้น ไม่ดิ ยอดไม้ต่างหาก 5555
ครูแสน - "รวมกลุ่มๆ ....คงไม่มีใครค้างบนยอดไม้อีกนะ" ไม่ถึง 3 นาทีพวกผมทั้ง 4 คนก็มารวมตัวกันตรงที่ครูแสนนั่งรอ
ครูแสน - "เปิด Tracker กันหรือยัง ? ตั้งไว้ที่ normal mode นะ ไอ้เชียรจะได้รู้ว่าเราอยู่ที่ไหน คงจะช็อคน่าดู" Tracker คือ เครื่องส่งสัญญาณระบุตำแหน่งคล้ายๆ GPS แต่ดีกว่า
ส่วนการซ่อมภาคสนามของพวกผมก็คือการส่งให้ไปอยู่ในป่าในเขาที่ห่างไกลความเจริญแบบสุดกู่ อุปกรณ์เต็มสูบเหมือนปฏิบัติการจริง ส่วนระยะเวลาก็มีตั้งแต่ 5 - 15 วัน
ผม - ".....เด๋วๆ ผู้พันไม่รู้หรอว่าเรามาตาก ?" ผมมองหน้าครูแสนแบบงงๆ แล้ววิทยุสื่อสารของไอ้สู้ก็สั่นงื๊ดๆ
ไอ้สู้ - "น่านๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใช่ไม่ใช่ ......ผมว่าครูคุยเองจะดีกว่านะ" ครูแสนหัวเราะก๊ากรับวิทยุไปคุย 
ครูแสน - "ว่าไง ? ....ก็มึงให้กูเลือกเองไม่ใช่หรอว่าจะไปที่ไหน .....รู้น่า พวกมันไม่ใช่เด็กๆ กันแล้วนิ ......กูอยู่ทั้งคนไม่เป็นไรหรอกน่า .....55555 .......ไม่ข้ามไปหรอกน่า พวกมันยังไม่พร้อมขนาดนั้น .......วางซะละ"
ผม - "คงจะหัวเสียน่าดู กลับไปหูยานแน่ๆ"
นิโอ๊ะ - "พวกเราถูกเรียกกลับหรือปล่าวครับ ?"
ครูแสน - "ตราบใดที่เราไม่ได้ข้ามเข้าไปในเขตพม่าหรือปะทะกับทหารของพม่า .....ยังไงก็ไม่เกิดปัญหา" ครูแสนพูดแบบสบายๆ สีหน้าดูใจเย็น ฮัมเพลงหยิบเป้สะพายใส่หลัง
ไอ้แจ๊ค - "งั้นกฏการปะทะคราวนี้ก็คือหลีกเลี่ยงการปะทะใช่มั้ยครับ ?" ครูแสนหันมายิ้มแล้วหยิบแผนที่ขึ้นมากาง
ครูแสน - "ถูกต้อง เราจะแค่เดินลาดตระเวณตามแนวชายแดนจนไปถึง .....ที่นี่"
พวกผม 4 คน - "ห๊าาาาาาาา" ถึงกับร้องพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายเมื่อเห็น ERP ( End-route Rally Point ) -*-
ไอ้สู้ - "กูรู้สึกขาอ่อนกระทันหันว่ะ -*-"
ผม - "เหมือนกูเลย -*-" จุดที่ผมอยู่ปัจจุบันคือ อ.พบพระ จ.ตาก ( ห่างจากชายแดนไทย-พม่า ประมาณ 2 - 3 km ) ส่วนจุดหมายปลายทางก็คือ ......อ.แม่สอด จ.ตาก -*-
ครูแสน - "ถือว่าเป็นการฝึก ลว.ไกล ( ลาดตระเวณไกล ) ไปในตัวอีกรอบ แถมยังได้ฝึกการแทรกซึมชั้นสูงอีกแน่ะ"
นิโอ๊ะ - "การแทรกซึมชั้นสูง ??? ....ยังไงครับ ?"
ครูแสน - "เราจะข้ามเข้าไปในพม่าตรงจุดที่มีการผลิตยาเสพติดและของเถื่อนที่กำลังเตรียมส่งเข้ามายังไทย ทำการสอดแนมเก็บข้อมูลแล้วส่งให้ ตชด. จัดการ"
ผม - "ว่าแล้ว สังหรณ์ใจไว้แล้วเชียวว่าต้องลงเอยอย่างนี้ เฮ้ออออ" ครูแสนเดินมาตบหัวผมเบาๆ ทีนึงแล้วหัวเราะ
ไอ้สู้ - "แล้วครูรู้รึครับว่าจุดที่มีการผลิตมันอยู่ตรงไหน ?"
ครูแสน - "สายรายงานมาว่าอยู่ห่างจากจุดที่เราอยู่นี่อีก ..... 1 - 2 วัน เร่งฝีเท้ากันนิดหน่อยก็ถึงแล้วล่ะ"
พวกผม 4 คนผ่านหลักสูตร ลว.ไกล กันมาแล้วก็จริง แต่ไอ้หลักสูตร ลว.ไกล ( ไกล๊ไกล ) ของครูแสนนี่ซิ ....แค่คิดก็ขาลากแล้วล่ะ -*-
วันที่ 1 ( ช่วงกลางวัน ) - เหตุการณ์ปกติ  ( รีแลกซ์ๆ เดินเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก )
            (
ช่วงกลางคืน ) - เหตุการณ์ปกติ ( หลับได้เต็มตื่น เวรยามปกติ .....แถมนั่งเล่าเรื่องผีกันอีกต่างหาก -*- )
วันที่ 2 ( ช่วงกลางวัน ) - เหตุการณ์ตึงเครียดในระดับนึง ( เพิ่มความระมัดระวังมากกว่าวันแรก )
            (
ช่วงกลางคืน ) - ถึงที่หมายเตรียมทำการ SALUTE ( Size,Activity,Location,Unit,Time,Equipment ) และพบข้าศึกทำการลาดตระเวณ 4-5 คน ในรัศมี 1 km 
ไอ้สู้ - "ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ากูจะเข้าพม่าแบบผิดกฏหมาย"
ผม - "แถมถ้าโดนจับได้นี่ยิงทิ้งอย่างเดียว โนประกันตัว โนอุทรณ์ โนศาล .....ฮึ๊บ กูติดบูบีแทร็ปครบละ ขอให้เข้าเวรผลัดแรกด้วยความสนุก 555 .....ระวังตัวด้วยนะ สู้"
ไอ้สู้ - "เออ ขอบใจ ....พรุ่งนี้เช้างานเข้าครั้งใหญ่เลยว่ะ ว่ามะ ?"
ผม - "นั่นซิ กูกำลังคิดอยู่ว่าพรุ่งนี้คงต้องได้ยิงใครสักคนแน่ๆ .....มึงเคยยิงใครรึยัง ?" ผมเดินมานอนข้างๆ ขอนไม้รกๆ เหมาะสำหรับการนอนพรางตัว
ไอ้สู้ - "เคยว่ะ แต่ไม่ตาย โจทย์กูตอนเรียนช่างกล มันมายิงเพื่อนกูก่อน .....แต่คราวนี้คงต้องยิงให้ตาย"
ผม - "กูเคยสงสัยนะว่ากูจะรู้สึกยังไงเมื่อยิงคนตาย ถึงจะเป็นคนที่กูไม่รู้จักก็เถอะ ....กูจะเสียใจหรือกูจะรู้สึกผิดมั้ยหน๊อ ?"
ไอ้สู้ - "...เมื่อคืนที่ครูถามน่ะ มึงว่ายังไงวะ ?" ผมนอนคิดอยู่แปปนึงถึงคำถามที่ครูแสนถามผมเมื่อคืน
ผม - ".......ในตลอดช่วงชีวิตของเอ็ง เอ็งจะหยุดน้ำตาของคนอื่นหรือจะเจ็บแทนคนอื่นได้กี่ครั้ง .....นั่นซิ กูไม่รู้ว่ะ 555"
ไอ้สู้ - "เหอะๆ งั้นมึงนอนเถอะ เซฟแบตวิทยุก่อนดีกว่า เจอกันพรุ่งนี้"
ผมตกใจตื่นประมาณ ตี 4 กว่าเพราะครูแสนแตะไหล่ผม พร้อมส่งสัญญาณมือว่ามีผู้บุกรุกทาง 2 นาฬิกา เข้ามาในระยะ 25 เมตร
ครูแสน - "มันผ่านบูบีแทร็ปเข้ามาได้แสดงว่ามันรู้แล้วว่าเราอยู่แถวนี้" บูบีแทร็ปเป็นเซนเซอร์จับความเคลื่อนไหวอย่างนึงทำงานด้วยแสงเลเซอร์ มันจะส่งสัญญาณเมื่อมีคนเดินผ่าน
พวกผมหยิบ NVG ขึ้นมาใส่ทันทีที่ได้ยินเพราะถ้ามันเห็นเลเซอร์ของบูบีแทร็ปก็แสดงว่ามันก็ใส่ NVG เหมือนกัน นั่นหมายความว่า .....ไอ้นี่เป็นมืออาชีพแน่ๆ
เพราะ NVG จะใช้กันในหน่วยรบพิเศษหรือหน่วยงานที่พิเศษๆ เท่านั้น แล้วก็จริงๆ ซะด้วย ผู้ชาย 2 คนในชุดกึ่งรัดรูปสีเขียวลายพรางใส่โม่ง ( Sneaking Suite ) ทำการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
มาทางพวกผมเรื่อยๆ ตอนนั้นหัวใจผมเต้นแรงจนไม่เป็นจังหวะมือสั่นหายใจถี่ขึ้น อะดีนารีนสูบฉีดไปทั่วร่างกายเพราะความกลัว คราวนี้ไม่ใช่ลูกยาง
ไม่ใช่กระสุนสีไม่ใช่ลูกแบล๊งค์แถมเจอมืออาชีพอีก ....ตายชัวว์งานนี้ ครูแสนควักปืนพกจากไซด์อาร์มแล้วหยิบที่เก็บเสียงมาใส่จึงเห็นอาการของผม 
ครูแสนเอามือวางบนหัวผมแล้วยิ้มอย่างอบอุ่น ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมากที่รู้ว่าครูยังอยู่ข้างๆ มองถัดไปอีกหน่อยก็ยังมีเพื่อนๆ ของเราอีก พวกมันมากันแค่ 2 
แต่พวกเรามีตั้ง 5 จะกลัวทำห่าไรฟะไอ้น๊อต สู้โว๊ยยยยย >< ผมหยิบปืนพก Walther P99 คู่ใจใส่ที่เก็บเสียง ( คงจะไม่ดีแน่ถ้าคุณอยู่ใน RFA  : Restrictive Fire Area แล้วมีเสียงปืน -*- ) 
ผมดูสัญญาณมือของครูแสนอย่างตั้งใจ แต่แล้ว 2 คนนั้นก็หลบเข้าที่กำบังอย่างรวดเร็วเหมือนรู้ว่าพวกผมซุ่มอยู่ตรงนี้ สิ่งที่ผมคิดตอนนั้นก็คือฝ่ายเดียวกัน
หรือฝ่ายตรงข้าม ??? ทหารของไทย ? หน่วยรบพิเศษของพม่า ? ทหารรับจ้างฝ่ายข้าศึก ? หรือจากประเทศไหนวะ ? อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น 
ผมสังเกตุเห็น 1 ใน 2 คนนั้นที่หลบอยู่หลังต้นไม้ถอด NVG ออกแล้วถืออะไรบางอย่างในมือทำท่าจะขว้างเจ้าสิ่งนั้นมาทางนี้ คิดได้อย่างเดียวคือ Flash Bang 
ไม่ก็ Flare แน่ๆ ผมจึงรีบถอด NVG ออกแล้วหลับตาปี๋เอามืออุดหูอย่างเร็วเพราะไม่งั้นเสร็จ ( เมื่อเราใส่ NVG แล้วโดน Flash Bang หรืออะไรก็แล้วแต่ที่มีความสว่างสูง ตาเราจะใช้การไม่ได้ไปชั่วขณะ )
ตึ้ม!!! เสียงระเบิดแบบแน่นๆ แต่ไม่ดังมาก เมื่อผมลืมตาก็เห็นควันสีขาวพวยพุ่งออกมามากมาย 2 คนนั้นวิ่งผ่ากลุ่มควันสีขาวเข้ามา ผมเล็งจะยิงแต่มันไหวตัวทัน
พุ่งตัวหลบไปทางด้านข้าง อีกคนโผล่ขึ้นยิงจากทางด้านซ้าย ครูแสนลุกขึ้นยิงตอบโต้คนด้านซ้ายส่วนผมยิงคนที่อยู่ทางขวา ไอ้สู้ไอ้แจ๊คและนิโอ๊ะยังอึนจาก Flash Bang
เพราะถอด NVG ไม่ทัน คงตาพร่าไปพักใหญ่ๆ เหลือแค่ครูแสนกับผมที่ยิงต่อสู้กับข้าศึก 2 คน ในที่สุดครูแสนยิงล้มไป 1 คนทางด้านซ้าย ผมกับครูแสนประสาน SOP ( Standing Operating Procedure ) 
ไล่ต้อนจนผมสอยลงไปได้อีก 1 คนที่เหลือ ผมส่งสัญญาณมือว่าจะเข้าไปเช็คครูแสนก็โอเคจะคุ้มกันให้ ขณะที่ผมค่อยๆ ย่างเท้าเข้าไปเช็คดูผลงานของตัวเองด้วยความตื่นเต้น ....กูฆ่าคน!!! กูยิงคนตาย!!! 
??? - "
หยุด!!! อย่าขยับ วางปืนลง" ผมตกใจหันมาเห็นครูแสนโดนเอาปืนจ่อหัว รู้สึกตัวอีกทีผมก็โดนเอามีดมาจ่อคอจากด้านหลัง
??? - "
พลาดอย่างแรงเลยนะไอ้แสน" เสียงคนที่เอาปืนจ่อหัวครูแสนคุ้นหูผมมาก เพราะจะได้ยินเสียงนี้บ่นด่าว่ากล่าวอยู่บ่อยๆ ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา
ครูแสน - "ไม่นึกว่ามึงจะมาด้วย ....เซอร์ไพรซ์ว่ะไอ้เชียร" น่านใช่อย่างที่ผมคิดจริงๆ ด้วย ผู้พันเชียรนั่นเอง 
ขณะที่ผมมึนกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มือที่ล็อคคอผมอยู่นั้นเปลี่ยนมาเป็นขยี้หัวผมแล้วหัวเราะฮ่าๆ พอถอดโม่งออกก็เลยถึงบางอ้อ พี่รุ่งนี่เอง
พี่รุ่ง - "ไอ้เด็กโง่ เสร็จกูจนได้ ไม่ระวังตัวอีกแล้วนะ" พี่รุ่งเดินกอดคอผมไปหาไอ้ 3 ตัวที่กำลังหายอึน อีกคนนึงที่โดนครูยิงก็ลุกขึ้นมาแล้วถอดโม่งออก
พี่เทียน - "มึนหัวเป็นบ้า ผู้พันแสนเล่นยิงเข้าหัวเลย ดีนะที่เป็นลูกหัวยาง" พี่เทียนเดินมานั่งข้างๆ ไอ้สู้ไอ้แจ๊คและนิโอ๊ะ พลางเขย่าตัวนิโอ๊ะขอยาทาแก้ปวด
ครูแสน - "เค้าเรียกเพื่อความสมจริงไงล่ะ แสดงให้เห็นว่ามึงตายชัวว์ ล่อให้ไอ้เหลี่ยมไปดูไอ้รุ่งแล้วให้มึงลุกขึ้นมาจี้กูไง แต่เสือกเป็นไอ้ห่านี่ซะได้ ตกใจหมด"
ผมถอดแม๊กกาซีนปืนพกออกมาดูปรากฏว่าเป็นลูกหัวยางจริงๆ ด้วย แต่ด้วยในความมืดทำให้ผมไม่สามารถแยกการกระทบของลูกหัวยางกับลูกจริงได้
ครูแสน - "กูแอบเปลี่ยนตอนพวกมึงหลับน่ะแหละ เอ้า เอาคืนไป" โอ้ แม่เจ้า แอบเปลี่ยนแม๊กกาซีนปืนพกโดยที่พวกผมหลับแล้วไม่รู้สึกตัว ><
นิโอ๊ะ - "แล้วตกลงนี่มันเรื่องอะไรกันครับ ?" นิโอ๊ะที่หายดีแล้วกำลังทายาที่หน้าผากของพี่เทียน
ผู้พันเชียร - "คำสั่งจากเบื้องบนน่ะ พอได้พิกัดของจุดปฏิบัติการก็ต้องตกใจพอเอามาเทียบกับ Tracker ของพวกมึง ก็ .....อย่างที่เห็น"
ไอ้สู้ - "คงจะแอบวางแผนลวงโลกกันตั้งเมื่อคืนแล้วซินะ สุดยอดเลย" ไอ้สู้โยน PDA ที่ต่อกับอุปกรณ์สื่อสารระยะไกลให้ผมดูประวัติการใช้ เมื่อคืนนี้เวลานี้พวกผมนอนกันหมดแล้วเหลือแต่ครูแสนที่เข้าเวรยาม
ไอ้แจ๊ค - "ไม่มีกำลังเสริมหรือครับ ? ......คงไม่ใช่อย่างที่ผมคิดนะ"
พี่เทียน - "ถูกต้องเลยไอ้น้องรัก พวกเรานี่แหละคือกำลังเสริม"
ผู้พันเชียร - "ไอ้แก่เบื้องบนเห็นว่าควรตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ไม่ควรรอให้เกิดการจับกุมที่ชายแดน ไม่งั้นจะเสียภาพพจน์ไรแม่งก็ไม่รู้ แผนว่าไงวะแสน ?"
ครูแสนยืนคิดอยู่แปปนึงหันมามองหน้าผมกับไอ้สู้แล้วหันไปมองหน้าผู้พันเชียร
ครูแสน - "เราจะไม่เล่นมันที่แคมป์ แต่เราจะดักรอเล่นมันตรงจุดนี้ เส้นทางที่พวกมันจะแอบลำเลียงยาเสพติดเข้าไทย .....เอ็ง 2 คนเข้าไปสอดแนมนะ" ครูแสนหันมาบอกผมกับไอ้สู้ด้วยสายตาที่เชื่อมั่น
ผู้พันเชียร - "เออใช่ เอ้า ของขวัญวันสงกรานต์สำหรับเอ็ง 2 คน" ผู้พันเชียรโยนถุงที่เล็กกว่าถุงทะเลหน่อยนึงให้ผม พอเปิดมาผมกับไอ้สู้มองหน้ากันยิ้มแป้นแล้วขอบคุณผู้พันเชียรกันยกใหญ่
ผู้พันเชียร - "เอาเลยกูให้ อย่าให้เสียของก็แล้วกัน รวมๆ ทั้งหมดนั่นเป็นล้านนะไอ้เหลี่ยมไอ้สู้" ผมกับไอ้สู้รีบถอดเสื้อถอดกางเกงเปลี่ยนมาใส่ชุดสไนเปอร์เต็มสูบพร้อมติดอุปกรณ์ไฮเทคชั้นเลิศมากมาย
ผม - "Unique Alpine TPG-1 .....ในที่สุดก็มาอยู่กับผมจนได้ ฮี่ๆ" ส่วนของไอ้สู้คือ L96 A1 ( ภาษาเด็กหัวเกรียนคือ สี่หก )
เช้าวันต่อมา เวลา 0600 am ณ จุดสังเกตุการณ์แคมป์ข้าศึก
ไอ้สู้ - "....เยอะกว่าที่กูคิดแฮะ 5 ...10 ...15 คน  ....NS2 เรียก C1 ทาง 11 นาฬิกา มีถูกจับผู้หญิง 3 คน"
ครูแสน - "C1 เห็นแล้ว คงโดนพวกมันจับมาลงแขก" ผมกับไอ้สู้ส่งภาพสดให้ครูแสนกับผู้พันเชียรดู เป็นวิดีโอลิงค์ที่ติดอยู่กับกล้อง M3 ตัวใหม่ล่าสุด ( ยี่ห้อฮัมเมอร์ )
ผม - "NS1 เรียก C2 จะให้นับว่าเป็นตัวประกันด้วยหรือป่าวครับ ?" ผู้หญิง 3 คนนั้นถูกชุดกระชากลากถูเข้าไปในห้องรู้เลยว่าไม่เต็มใจและกำลังจะโดนอะไร 
ผู้พันเชียร - "นี่ C2 ปล่อยไป NS1 นั่นไม่ใช่หน้าที่เราที่จะเข้าไปช่วยใคร" ผมเลยหันไปหาไอ้สู้ที่ก้มหน้าแบบเซ็งๆ
ผม - "NS1 เรียก C1&2 ข้าศึกเริ่มมีการเคลื่อนไหว เอ้า ดูเองเถอะ" พวกมันบางคนเริ่มขนของขึ้นรถกระบะ บางคนก็เริ่มรื้อเต็นท์เคลียร์ของกันออกจากบ้าน
ครูแสน - "C1 เรียก TJ1 เตรียมตัวจุดพลุกันหรือยัง ?"
พี่เทียน - "TJ1 ถึง C1 พร้อมจุดพลุได้ทุกเมื่อครับ"
ครูแสน - "ดี งั้นรอคำสั่งต่อไป ทราบแล้วเปลี่ยน ......C1 เรียก NS1&2 ถอนตัวแล้วไปที่ FFP ได้เลย รอฟังคำสั่งต่อไป ทราบแล้วเปลี่ยน"
ผมกับไอ้สู้ถอนตัวจากจุดนั้นอย่างรวดเร็ว วิ่งแบบไม่คิดชีวิตเพื่อไปให้ถึง FFP ( Final Firing Position ) ก่อนที่พวกมันจะไปอยู่ในพื้นที่สังหารโดยไม่มีผมกับไอ้สู้ที่คอยยิงคุ้มกันให้ทีม
ไอ้สู้ - "NS2 เรียก C1&2  แห่กๆ ถึง .... FFP แล้ว .....กำลังรอรับคำสั่งต่อไปอยู่ ทราบแล้วเปลี่ยน" เพราะผมกับไอ้สู้วิ่งกันมาตลอดทางประมาณ 5 km ภายในเวลา 20 นาทีกว่าๆ เลยดูเหนื่อยๆ กัน
20
นาทีต่อมาขบวนรถของข้าศึกก็เข้าสู้พื้นที่สังหาร
ไอ้สู้ - "อ่าาาา มึงคันแรกกูคันที่สองใช่มะ ?" มือสั่นนิดๆ หัวใจเต้นแรงหน่อยๆ หายใจแรงฟืดฟาด ด้ามปืนที่มือขวาเย็นเฉียบ สายตาล็อคเป้าหมายผ่านกล้องเล็งอย่างไม่กระพริบตา
พานท้ายปืนแนบชิดติดร่องไหล่แล้วทำตามขั้นตอนเทคนิคการยิงระยะไกล ( Advanced Marksmanship Skills ) ที่ร่ำเรียนมาหลายเดือน
นัดแรกยิงออกไปด้วยความมั่นใจ + ความกังวลเล็กๆ ไม่ได้กังวลว่าจะโดนมั้ยจะพลาดมั้ยที่ระยะ 490 หลา ( ประมาณ 450 เมตร ) แต่กังวลว่าเป้าหมายจะเป็นยังไงเมื่อผมยิงออกไป
ผลที่ได้คือคนขับฟุบฮวบหน้าทิ่มลงไปที่พวงมาลัย ทุกอย่างเหมือนจะหยุดนิ่งไปแปปนึง สติสะตังถูกตัดขาดจากสิ่งแวดล้อม ไม่ได้ยิน ...ไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว 
สติผมกลับมาอีกครั้งเพราะเสียงระเบิดที่ระเบิดข้าศึกที่ลงมาคุ้มกันขบวนรถยาเสพติดของมัน ครูแสนกับผู้พันเชียรนำทีมบุกขบวนรถของข้าศึกที่กำลังโกลาหลเพราะระเบิดหลายระลอก
ตามมาติดๆ คือพี่รุ่งกับพี่เทียนทางด้านขวาของขบวน ส่วนไอ้แจ๊คกับนิโอ๊ะอยู่บนเนินทางด้านซ้ายของขบวนคอยยิงสนันสนุนในระยะใกล้ ผมกับไอ้สู้ยิงสนับสนุนจากระยะไกล
ไม่ถึง 10 นาที ข้าศึกก็ถูกสังหารไปกว่า 90%  ของกลางมูลค่ามหาศาลถูกทำลายทั้งหมดไม่มีเหลือ ภารกิจเสร็จสิ้น
ผู้พันเชียร - "กลับบ้านกันดีกว่า เด๋วกูเลี้ยงเหล้าเอง 555" ไอ้สู้มองหน้าผมด้วยสายตาที่กังวลอะไรบางอย่าง
ไอ้สู้ - "ผู้พันครับ .....ผู้หญิง 3 คนนั้น เอ่อ ....ผม ...." ผู้พันเชียรหันหน้าควับอ้าปากกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่ครูแสนพูดแทรงขึ้นมาก่อน
ครูแสน - "เด๋วกูไปกับมันเอง ไม่ต้องห่วง" ครูแสนออกหน้าเองขนาดนี้ผู้นเชียรจึงยอมอย่างเสียไม่ได้
ครูแสน - "ไอ้เหลี่ยมไอ้บังไอ้แม๊ว พวกมึงจะไปมั้ยเนี่ย ? ยังไม่ถึงที่หมายของพวกมึงเลยนะ มาๆๆ" ผู้พันเชียรอ้าปากจะพูดแต่ครูแสนเอามือปิดปากแล้วกระซิบอะไรไม่รู้ผู้พันเชียรเลยยอม
ผู้พันเชียร - "เออ อยากทำไรกันก็ทำไปเลย กูไม่รับรู้อะไรแล้วนะเว๊ยไอ้แสน" ครูแสนยิ้มกวนๆ แล้วยักคิ้วให้ก่อนที่ผู้พันเชียรจะเดินจากไปแบบหัวเสีย -*-
ผม - "กลับไป .....จินตนาการออกเลยว่าจะโดนอะไรมั่ง" ผมมองตามหลังผู้พันเชียรที่กำลังเดินจากไป
ครูแสน - "ไม่ได้บังคับนะ ใครจะกลับก็รีบตามไอ้เชียรไปก็แล้วกัน" ครูแสนหยิบบุหรี่ออกมานั่งสูบอย่างสบายใจ
ผม - "ไม่มีทาง กลับไปกับแกตอนนี้หูพังกันพอดีเด่ะ"
นิโอ๊ะ - "เห็นด้วย บ่นตลอดทางแน่ๆ ไม่เอาด้วยหรอก"
ไอ้แจ๊ค - "แล้วไอ้ที่บอกว่าจะเลี้ยงเหล้านี่จริงหรือป่าวว๊าาาา" ผมกับนิโอ๊ะมองหน้าไอ้แจ๊คแบบ โอ๊ยยยย ไรมึงเนี่ย
ไอ้สู้ - "นี่ผมทำครูกับทุกคนลำบากใจกันหรือป่าวเนี่ย ?"
ครูแสน - "แน่นอน มึงทำให้กูลำบากใจแถมอดเหล้าที่ไอ้เชียรจะเลี้ยงอีก ซ้ำยังทำให้เพื่อนมึงตกกระไดพลอยโจนไปด้วย สาหัสนะงานนี้ ไอ้เชียรเอามึงตายถ้าเกิดไรขึ้น แน่ใจรึ ?"
ไอ้สู้เริ่มทำท่าลังเลอย่างเห็นได้ชัด ดูนาฬิกาแล้วมองไปทางแคมป์ข้าศึกที่ห่างไปประมาณ 5 km แล้วหันกลับมามองหน้าพวกผม
ผม - "ไม่ต้องมาทำตาหวานใส่กูเลย จะทำไรก็รีบทำ มึงจะไปนรกชั้นไหนก็เรื่องของมึง ....แต่กูจะตามไปด้วย"
นิโอ๊ะ - "กูไม่ได้พิศวาสมึงนะไอ้สู้ แต่ถ้าเสือกเป็นห่าไรขึ้นมาแล้วไม่มีหมออย่างกูมันจะลำบาก"
ไอ้แจ๊ค - "ถึงกูจะอยากกินเหล้ามากขนาดไหนแต่ถ้าให้ฟังผู้พันเชียรบ่นล่ะก็ กูขอบายว่ะ"
ครูแสน - "ล่าไอ้พวกห่าที่เหลือนี่ก็ไม่เลวนะ อืมมมมม พวกเอ็งยังไม่ได้เรียนการสะกดรอยการแกะรอยมากันนี่นา ถ้างั้นก็เริ่มหลักสูตรกันเลยดีกว่า"
ครูแสนบรี๊ฟหลักของการสะกดรอยการแกะรอยให้ฟังคร่าวๆ ก่อนจะเคลื่อนเท้าไปยังแคมป์เป้าหมาย
ครูแสน - "ตะกี้รู้สึกไงกันมั่งตอนฆ่าคนครั้งแรก" ครูแสนจั่วหัวข้อการสนทนาได้น่าตกใจเหมือนเดิม
ผม - "กลัว ..... กลัวว่าต่อๆ ไปเวลาที่ฆ่าใครไปแล้วจะไม่รู้สึกอะไรเลย" ในชั่ววูบนึงที่ยิงๆ กันอยู่ตะกี้ ......เหมือนผมจะรู้สึกสนุกกับการยิงคนให้ล้มไปทีละคน
ไอ้สู้ - "ตะกี้มันไกลเลยไม่ค่อยรู้สึกอะไร"
นิโอ๊ะ - "ใช่ มันไกลไปที่จะรับรู้ถึงความรู้สึกคนที่ใกล้ตาย"
ไอ้แจ๊ค - "กลับไปคงนอนฝันร้ายแหงมๆ อย่างงี้มันต้องก๊งแก้เคล็ด"
ครูแสน - "ถูกต้อง มันไกลไปที่เราจะรับรู้หรือได้เห็นภาพความตายแบบต่อหน้าต่อตา เลยไม่ค่อยรู้สึกอะไรมากมาย แต่อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าต่อไปนี้ มันอาจจะทำให้พวกมึงจำไปจนวันตาย"
พอถึงแคมป์ที่หมายพวกผมฟังการปฏิบัติจากครูแสนอย่างตั้งใจ ฝึกมายังไงก็นำมาใช้ให้หมด แล้วก็เริ่มเข้าเช็คเต็นท์ทีละเต็นท์บ้านทีละหลัง เพื่อหาตัวประกันสาวทั้ง 3 คน
ครูแสนไปกับนิโอ๊ะและไอ้แจ๊ค ส่วนผมไปกับไอ้สู้แค่ 2 คน แยกกันค้นหา ใช้คอนเซ็ปว่า "ทำให้เงียบ ทำให้เนียน ทำให้ไว"
เช็คไปทีละหลังสุดท้ายก็เจอไอ้ระยำ 2 ตัวกำลังรุมข่มขืนหญิงสาวอยู่คนนึงอย่างรุนแรง ไอ้สู้ยิงทิ้งไป 1 คน ผมก็ยิงไป 1 คน คนที่ 3 โผล่มาจากข้างหลังผม เหวี่ยงมีดเล่มโตใส่แต่ผมกลิ้งตัวหลบทัน
แล้วหันมายิงเข้าที่หน้าอกมัน 2 นัด มันยังไม่ตายแต่นอนหายใจรวยระรินอยู่ที่พื้น ไอ้สู้เดินเข้าไปดูตัวประกันที่โดนซ้อมจนนอนนิ่งหมดสภาพ แล้วก็เดินมาหยิบมีดเล่มโตของไอ้คนที่นอนใกล้ตาย 
อยู่ดีๆ อีกคนก็โผล่ออกมาตะลุมบอนกับไอ้สู้อย่างรวดเร็ว ผมพยายามช่วยไอ้สู้แต่ไม่มีมุมยิง เลยหันดูรอบๆ ว่ามีใครอีกหรือป่าว แล้วมันก็โดนไอ้สู้แทงเข้าที่ท้องจนลงไปนั่ง มันพูดภาษาพม่าใส่ไอ้สู้ต่างๆ นาๆ
ไอ้สู้ - "มึงพูดเหี้ยไรมากูไม่รู้เรื่องหรอกนะ ส่วนกูพูดอะไรไปมึงก็คงไม่เข้าใจ แต่มึงดูนั่น ....." ไอ้สู้ชี้ไปทางหญิงสาวที่นอนนิ่งอยู่บนแคร่ ผมเลยเดินเข้าไปดู ...เธอตายแล้วเพราะความบอบช้ำทางร่างกาย
ผม - "พวกมึง ....เลวจริงๆ .....ชิงตัวเหี้ยไรมาเกิดวะ ไอ้สัด" ผมเดือดจนฟิวส์ขาดหันไปยิงไอ้คนที่นอนหายใจรวยระรินทันทีจนหมดแม็ก
ไอ้สู้เดินไปล็อคคอคนที่มันแทงแล้วเอามีดปาดคอจนเลือดพุ่งนอนดิ้นทุรนทุรายเอามือจับคอตาเหลือกเลือดไหลนองเต็มพื้น ตอนนั้นผมรู้สึกว่าสมควรแล้วกับสิ่งที่มันทำ ชีวิตแลกด้วยชีวิต
ครูแสน - "อย่ามองสายตาของเหยื่อที่เราจัดการตอนมันกำลังจะตาย" ครูแสนเดินมาพร้อมกับไอ้แจ๊คและนิโอ๊ะที่พยุงหญิงสาวอีกคนมาด้วย
ครูแสน - "มีดจะหลงเหลือความรู้สึกของฆาตกรไว้ที่มือเราเยอะมาก ปืนก็มีนะแต่จะน้อยกว่ามีด" ครูแสนเดินเอาผ้าไปคลุมศพหญิงสาวที่นอนบนแคร่
ไอ้สู้ยืนมองศพไอ้ระยำนั่นแล้วมองมือตัวเองที่สั่นจนมีดหลุดมือ ครูแสนเดินไปจับมือมันแล้วยิ้มพร้อมพูดว่า
ครูแสน - "นี่ไม่ใช่มือของคนที่เป็นฆาตกร แต่เป็นมือของคนที่รับใช้ทั้งชาติและประชาชนอย่างแท้จริง อย่าให้เลือดของไอ้พวกคนชั่วมาสั่นคลอนความกล้าหาญและการเสียสละของเราได้"
ไอ้สู้ถึงกับน้ำตาร่วง ครูแสนหันมามองผมเช่นกันเพราะผมกำลังจับมือขวาที่กำปืนพกอย่างแน่นเพื่อให้มันหยุดสั่น
ครูแสน - "ฆาตกรใช้ความโกรธเป็นตัวขับเคลื่อนสู่พฤติกรรมในทางลบ แต่เอ็งใช้ความโกรธเป็นตัวขับเคลื่อนพฤติกรรมในการช่วยผู้อื่น มันจึงต่างจากฆาตกร" ครูแสนเดินมาจับมือขวาผมจนหายสั่น
ครูแสน - "เราก็ฆ่าคนเหมือนกันแต่อะไรที่ทำให้เราต่างจากฆาตกรน่ะหรอ ...เพราะพวกเราทำเพื่อประเทศชาติเพื่อประชาชนเพื่อเพื่อนหรือใครก็แล้วแต่ที่เรารู้จักหรือไม่รู้จักแต่เราก็เต็มใจช่วย เต็มใจยอมเอาชีวิตเข้าเสี่ยง นั่นแหละคือข้อแตกต่าง"
วันต่อมาเวลา 1030 am ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง อ.แม่สอด จ.ตาก
นิโอ๊ะ - "จะไม่เข้าไปหรอ ? รีบๆ หน่อยก็ดีนะ กูหิวแล้ว" ไอ้สู้กำลังยืนอึนถือดอกไม้สีสวยช่อใหญ่ มันกะว่าจะเข้าไปให้หญิงสาวคนนึงที่นอนรักษาตัวอยู่ข้างใน
ผม - "หน้าตาเหมือนกันอย่างกับแกะ ฝาแฝดหรอ ? นี่คงเป็นคนน้องซินะ" หญิงสาวคนที่รอดมาได้นี้เธอชื่อจี๊ด ส่วนพี่สาวเธอชื่อจอย คนที่ผมกับไอ้สู้ไปเจอนั่นเอง
ไอ้แจ๊ค - "ถ้ามึงไม่เอาไปให้เด๋วกูเอาไปให้เองนะเว๊ย เอามาๆ" มันสองตัวแย่งกันไปกันมาจนโดนพยาบาลแก่ว่าชุดใหญ่
นิโอ๊ะ - "เพื่อความยุติธรรม ให้คุณป้าพยาบาลคนนี้เอาไปให้เลย ...จบ" นิโอ๊ะเดินไปแย่งแล้วส่งให้คุณพยาบาลวัย 40 กว่าๆ ให้เอาไปให้จี๊ด
ผม - "ฝากบอกว่า ขอให้หายไวๆ นะครับแล้วก็ ....อย่าไปเที่ยวบ่อนที่พม่าอีกล่ะ เออ ไม่ต้องบอกนะครับว่าใครเอามาให้ เพราะเขาไม่รู้จักชื่อพวกผมหรอก"
********************
BY :  XIII Post : 2009-09-27

No comments:

Post a Comment