Sunday, 16 January 2011

บทที่ 55 " เรื่องที่ใครๆก็อยากรู้ "

ย้อนไปเมื่อหลายวันก่อนช่วงต้นเดือนมกราคม 2010 ........
วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม 2010 เวลาประมาณ 0439 pm ณ ชุมชนแออัดติดท่าเรือแห่งนึงในจังหวัดสมุทรปราการ
นิโอ๊ะ - "สงสัยเราจะแย่แฮะงานนี้"
ผม - "ใช่ ทั้งมือปืนลิ่วล้อและ S คลาสของคนมีสีอยู่ที่นี่รึ่มเลย ...เอาไงดีวะสู้ ???" ผมกับนิโอ๊ะยืนสังเกตุการณ์อยู่บนดาดฟ้าของตึกห่างจาก AO ประมาณ 1 km
ไอ้สู้ - "กูจะตบไอ้เด็กเหี้ยนั่นสัก 2 ทีก่อนส่งตัวให้ครูแสน" ไอ้สู้กำลังนั่งผูกเชือกรองเท้าผ้าใบยี่ห้อ Nike แล้วเช็คอาวุธของตัวเอง
ผม - "....เวรกรรม กูไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น กูหมายถึงจะบุกเข้าไปดื้อๆ เลยรึไง ???" พวกผมรีบมารวมตัวกันทันทีที่ได้รับข่าวว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวน
ของครูแสนโดนลักพาตัว จากการข่าวคาดว่าเป็นพวกมีสีที่อยู่คนละฝั่งกับพวกผมจับมาไว้ที่นี่เพื่อต่อรองอะไรสักอย่างที่เกี่ยวข้องกับครูแสนโดยตรง
ไอ้เล็ก - "จะทำไรก็รีบทำ แต่อย่าลืมเรื่องพลเรือนด้วยล่ะ" ไอ้เล็กชี้ไปที่ตลาดนัดที่ผู้คนกำลังพลุกพล่านจับจ่ายใช้สอยอย่างเนืองแน่น
ผม - "นั่นดิ .....ไอ้เด็กบ้านั่นก็ดันไปให้มันจับมาซะได้ .....แถมพวกแม่งยังเลือกที่กบดานซะได้ใจเลย"
นิโอ๊ะ - "มันคิดว่าเราต้องมาแน่ๆ เลยเลือกที่นี่"
ไอ้สู้ - "นั่นหมายความว่า .....พวกที่จับมาเป็นคนมีสีอย่างที่เราคาดเอาไว้"
ผม - "อยากจะคิดอย่างนั้นเหมือนกันว่ะ แต่ว่า .....เฮ้อออ"
ไอ้สู้ - "ไม่มีไรมาก ทำเหมือนทุกครั้ง อย่างเคยๆ .....ทำให้เนียนทำให้ไว .....ก่อนครูแสนจะรู้แล้วลงมือเอง" ไอ้สู้ยืดแข้งยืดขาบิดตัวสะบัดมือวอร์มร่างกาย
นิโอ๊ะ - "ได้มีคนตายเป็นร้อยแน่ถ้าครูแกมาเอง" 
ผม - "เห็นด้วย รีบเลยดีกว่า" ผมหยิบกระเป๋าเป้มาสะพายใส่หลังแล้วดึงสายรัดมาล็อคที่เอวและหน้าอก
ไอ้สู้ - "ส่วนเรื่องตำรวจในพื้นที่กูจัดการให้แล้วนะ กูพอจะรู้จักแบ๊คดีๆ แถวนี้อยู่บ้าง 2-3 คน"
ไอ้เล็ก - "ตำแหน่งล่ะ ????" พวกผมยืนรอสายของไอ้สู้ที่อยู่ในพื้นที่ให้มามาร์คตำแหน่งของเป้าหมายก่อนจะลงมือ ( ตึกพานิชย์สูง 7 ชั้น )
ปกติพวกผมจะต้องรอให้มืดสนิทก่อนถึงจะลงมือแต่ด้วยความที่ไม่คุ้นเคยกับพื้นที่นี้จึงเป็นการเสี่ยงที่จะปฏิบัติการในเวลากลางคืน
พวกผมเดินลงบันไดหนีไฟจนถึงชั้นล่างที่ประตูหลังแล้วมุ่งหน้าเข้าสู่พื้นที่เป้าหมายทันทีอย่างระมัดระวังเพราะพวกผมกำลังเข้าสู้เขตของข้าศึก 
ที่มีตั้งแต่นักเลงหัวไม้ขี้ยาธรรมดาๆ ไปจนถึงมือปืนระดับ S คลาสที่กลาโหมหมายหัวเอาไว้ พวกผมแต่งตัวด้วยชุดพลเรือนจะได้ไม่สะดุดสายตาใคร
(
แต่ในกระเป๋าเป้ของแต่ละคนอ่ะ ....พกกันมาเต็มขั้น ) พวกผมแยกย้ายกันมุ่งตรงไปยังเป้าหมายคนละทางผ่านฝูงชนพลเรือนที่น่าสงสัยเป็นช่วงๆ 
แล้วก็ถึงแนวป้องกันชั้นแรกที่เป็นพวกแก๊งนักเลงขี้ยาตั้งกลุ่มปิดซอย พวกผมหยิบ icom ติดหูเมื่อถึงจุดนัดหมายเตรียมเข้าปะทะจุดแรกที่ร้านขายของชำ
ไอ้สู้ - "ไม่ต้องให้ถึงตายนะเอาแค่สลบก็พอ" ไอ้สู้ให้สัญญาณมือแล้วเดินนำหน้าเข้าไปยังกลุ่มนักเลงขี้ยาเหล่านั้นที่ยืนคุมตรงหน้าซอยทางเข้าคนแรก
ตามด้วยไอ้เล็กที่เดินตามไปติดๆ เมื่อเกิดการปะทะมือปะทะตีนกันขึ้นอย่างนัวเนียผมกับนิโอ๊ะเลยรีบคุ้มกันทางด้านปีกซ้ายและขวาของสองคนนั้นทันที
ก่อนที่ 2 คนนั้นจะถูกล้อมด้วยฝูงของนักเลงขี้ยา ผมรีบหยิบปืนติดที่เก็บเสียงออกจากมายิงมือไอ้ขี้ยาที่คิดจะเข้าไปฟันไอ้สู้จากด้านหลัง
ด้วยมีดขนาดใหญ่จนร้องลั่นซอย พอกวาดสายตามองไปรอบๆ ก็เจอขี้ยาคนนึงกำลังกดโทรศัพท์มือถืออย่างตื่นกลัวอยู่หลังตู้น้ำ ผมยิงขาจนมันล้มลงแล้วยิง
มือซ้ำไปอีกนัดจนโทรศัพท์มือถือรุ่น 3310 แตกกระจายลงพื้น นี่เป็นอีกครั้งที่ผมเห็นนิโอ๊ะใช้วิชายูโดสายดำของตัวเองในการต่อสู้จริง ....ท่าซึมิโอโตชิ
มีขี้ยาบางคนพยายามจะชักปืนออกมา ( ผมคิดว่าไม่ปืนก็มีดน่ะแหละ ) แต่พวกมันไม่ทันจะได้ใช้ก็โดนผมสอยจนร่วงไปทีละคน ( ยิงขายิงแขนยิงมือยิงไหล่ )
ผม - "หมดแล้วหรอ ? ....ยังไม่ถึงแมกเลยห่า" Walther P99 สามารถบรรจุกระสุนได้ถึง 16 นัด ( +1 นัดในรังเพลิง ) ต่อ 1 แมกกาซีน ( พกมา 7 แมกกาซีน )
ไอ้สู้ - "หลังจากนี้ได้ใช้จนหมดแมกแน่" ไอ้สู้หันมาพูดกับผมหลังจากจัดการขี้ยาคนสุดท้ายด้วยเท้าขวาเสยคางจนฟันหลุดเลือดกลบปากสลบทั้งยืน
3
คนนั้นหยิบปืนออกมาขึ้นลำกล้องแล้วใส่ถุงมือทันทีเมื่อเข้าสู่ตัวอาคารชั้นที่ 1 พวกผมถูกเจ้าบ้านต้อนรับขับสู้ด้วยปืนพกออโตเมติกติดที่เก็บเสียงถึง 7 คน
ผม - "กะจะเล่นกันเงียบๆ อย่างนี้เลยหรอ ???" พวกผมหลบวิธีกรสุนกันอย่างรวดเร็วที่หลังโต๊ะและโซฟากันคนละฝั่งของตัวอาคาร
ไอ้สู้ - "ใจตรงกันเชียวนะ .....ด้านซ้ายแนวยิงมันน้อยสุด เอาแม่งก่อนเลยดีกว่า" ไอ้สู้สะกิดแล้วให้สัญญาณมือก่อนจะยิงกดดันทางฝั่งซ้ายแล้วนิโอ๊ะกับไอ้เล็ก
ก็ยิงกระนาบเข้าทางขวา ด้วยการประสาน SOP ที่เหนือชั้นกว่าพวกผมจึงชนะในที่สุด ไอ้เล็กวิ่งเข้าไปดูผลงานคนแรกแล้วโยนแมกกาซีนของพวกมันมาให้
ยังเหลืออีก 6 ชั้น แล้วผมก็ไม่คิดว่ามันจะมีแค่ปืนพกติดที่เก็บเสียงอย่างเดียวด้วยซ้ำไป .....มันต้องมีมากกว่านั้นแน่ๆ -*-a
วันเสาร์ที่ 16 มกราคม 2010 เวลาประมาณ 1000 am ณ บ้านกลางหุบเขาแห่งนึงในจังหวัดตาก
ครูแสน - "ไอ้เสือแม่งลูกศิษย์ใครวะ ? อ่อนชิบหายเลย แค่ลูกกูคนเดียวก็ดูแลไม่ได้ น่าด่าครูแม่งจริงๆ เลยว่ะ 555"
ผม - "อ่อนๆ อย่างนี้ลูกศิษย์มึงแน่เลยอ่ะไอ้สู้ 555" ผมยกแก้วเหล้ากระดกจนหมดแล้วตักกับแกล้มกินอย่างหิวโหย ( หิวข้าวมากมาย -*-a )
ไอ้สู้ - "อ้าวเหี้ย โยนขี้ให้กูซะงั้นน่ะ .....มึงถามมันเลยดีกว่าว่ามันลูกศิษย์ใคร ? ....ใช่มั้ยครับครู ?" ไอ้สู้ชงเหล้าแล้วส่งให้ครูแสน
ไอ้เสือ - "ไม่ต้องเถียงกัน .....ทั้งคู่น่ะแหละ 555" ผมกับไอ้สู้เลยเถียงกันใหญ่ว่ามันเป็นลูกศิษย์ใครกันแน่จนเสียงดังลั่นบ้าน
ครูแสน - "ไม่ต้องเถียงกันๆ ......วันนี้วันดีวันครู ...... เอ้า โชนนนนนนนนน" ทุกคนยกแก้วขึ้นชนพร้อมกันแล้วกระดกจนหมดแก้ว
นิโอ๊ะ - "แล้วเจ้าสังข์ไปไหนแล้วล่ะครู ?" นิโอ๊ะยกกับแกล้มมาเพิ่มจากครัววางลงแล้วถามครูแสนว่าลูกชายเค้าไปไหน ครูแสนนั่งนิ่งไม่พูดอะไร
ผม - "มันยังโกรธครูเรื่องนั้นอยู่อีกหรอ ? .....เรื่องมันก็ตั้งนานแล้วนะ อีกอย่างมันก็โตๆ แล้วด้วย ความจริงน่าจะ ....."
ไอ้สู้ - "โตเป็นควายแล้วยังไม่รู้จักคิด ไม่รู้จักแยกแยะ เหมือนใครก็ไม่รู้ .......เห็นแล้วหงุดหงิดชิบหาย" ไอ้สู้ยกกระดกทีเดียวจนหมดแก้วแล้วนั่งอึน
ผม - " .....เมาแล้วไปนอนดีกว่าปะมึงอ่ะ" ไอ้สู้เดินเซๆ ลุกขึ้นบอกจะไปเข้าห้องน้ำ ไม่ถึง 5 นาทีเสียงโครมครามก็ดังมาจากข้างบน
นิโอ๊ะ - "สงสัยไอ้สังข์ โดนตีนไอ้สู้อีกแล้วมั้ง .....เสือ ขึ้นไปดูหน่อยดิ๊ ลากคอไอ้สู้ลงมาเลยนะ" ครูแสนนั่งนิ่งไม่พูดอะไร ผมเลยชวนแกคุยอยู่นานจนหัวเราะ 
ครั้งนึงครูแสนต้องตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตว่าจะเลือกพวกผมหรือเลือกครอบครัวตัวเอง
ครูแสน - "คนเราทุกคนมีสิ่งสำคัญเท่ากันและเหมือนกันหมด แต่จะแตกต่างกันที่ลำดับ ....ลำดับของความสำคัญจะต่างกันออกไปตามเวลาและสถานการณ์"
นั่นคือคำพูดที่ครูแสนพูดกับพวกผมทั้งน้ำตาเมื่อหลายปีก่อนระหว่างปฏิบัติภารกิจสำคัญที่ 3 จชต. ( ถ้าครูแสนไม่มาพวกผมตายห่ากันหมดแน่ )
วันต่อพวกผมรู้ข่าวว่าเมียครูแสนเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจขณะผ่าตัด ....ครูแสนยอมทิ้งการเฝ้าไข้ให้กำลังใจเมียตัวเองแต่มาช่วยพวกผม
นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ลูกชายแกเกลียดพ่อตัวเองรวมทั้งพวกผมเพราะมันคิดว่าครูแสนให้ความสำคัญและรักพวกผมมากกว่าเมียและลูกตนเอง
โดยเฉพาะไอ้สู้ .....ลูกชายครูแสนจะเกลียดไอ้สู้มากๆ เพราะมันชอบพูดจากระทบกระทั่งจนมันทนไม่ไหวแล้วก็ตีกันในที่สุด ( ไอ้สู้ชนะตลอด เหอะๆ )
พอไอ้เสือลากไอ้สู้ลงมาผมก็เดินเข้าไปหาไอ้สู้ทันทีแล้วลากมันออกไปคุยที่ระเบียงข้างนอก ( เห็นแม้วเดินข้ามเขากันให้ว่อนเลย 555 )
ผม - "สู้ ....กูรู้นะ ว่าทำไมมึงถึงเกลียดไอ้เด็กบ้านั่น"
ไอ้สู้ - "มึงโกรธกูป่าววะที่กูตบหน้ามึงวันนั้น ? .....กูทนไม่ได้ว่ะ ที่เห็นมึงว่าพ่อมึงแบบนั้น .....มึงไม่โกรธกูใช่มะ ?" ไอ้สู้กอดคอผมแล้วยิ้มให้
ผม - "เหอะๆ ควยเถอะ ตบหน้ากูซะแรงขนาดนั้นจะไม่โกรธได้ไงวะ ? .....แต่ก็ โกรธตัวเองมากกว่า ....ที่โง่อยู่ตั้งนาน"
ไอ้สู้ - "กูรักพ่อกูมาก พอๆ กับที่กูรักครูแสน .....กูทนไม่ได้ที่เห็นแม่งยืนด่าครูปาวๆๆ ต่อให้แม่งเป็นลูกในไส้ของครูก็เถอะ .....กู ....ทนไม่ได้ว่ะ"
ไอ้สู้นั่งลงกอดเข่าพิงระเบียงก้มหน้าถอนหายใจออกมาเสียงดัง ครูแสนที่แอบฟังไอ้สู้พล่ามอยู่นานแล้วก็เดินเข้ามาแบบยิ้มๆ นั่งลงข้างไอ้สู้ก่อนจะกอดคอไอ้สู้ 
ผมเลยเดินออกมานั่งก๊งกับนิโอ๊ะและไอ้เสือต่อ ส่วนไอ้เล็กขอตัวไปทำธุระในหมู่บ้านที่อยู่ไม่ไกล ( ผมว่ามันไปเอา ญ มากกว่า 555 )
ประมาณ 1 ชั่วโมงต่อมา มีแม้วคนนึงวิ่งกระหืดกระหอบวิ่งมาหาครูแสนด้วยอาการตกใจแล้วพูดออกมาเป็นภาษาของเค้า
ผม - "นิโอ๊ะ .....มึงอยู่กับแม้วมานาน .....แปลให้ฟังหน่อยดิ๊"
นิโอ๊ะ - "อืม .....มึงกับกูไปเตรียมปืนกันได้เลย .....ส่วนไอ้สู้กับไอ้เสือไม่ต้องเจ๋อ มึง 2 ตัวนอนไปซะ" ครูแสนหันมาพยักหน้าให้ผมกับนิโอ๊ะไปด้วย 
ระหว่างทางครูแสนเล่าให้ฟังว่ามีหมู่บ้านดอยห่างไกลแห่งนึงที่ติดกับชายแดนพม่าโดนกองโจรประมาณ 12 คนล้อมหมู่บ้านเอาไว้เพื่อปล้นทรัพย์สินของมีค่า
ครูแสน - "พื้นที่ตรงนี้อยู่นอกการดูแลของ ตชด. เพราะงั้น .....จับตายได้เลย จัดการอย่าให้เหลือ เด๋วจะคุ้มกันให้" ครูแสนขึ้นลำกล้องปืนไรเฟิล M21M1
ผมถึงกับคนลุกซู่เพราะไม่ได้ร่วมงานกับครูแสนมานานมากแล้ว ( ครั้งสุดท้ายก็ที่เมียครูแสนเค้าตายน่ะแหละ )
ไม่ถึง 15 นาทีหมู่บ้านก็กลับมาสงบเหมือนเดิม เสียงขอบคุณเป็นภาษาท้องถิ่นที่ผมฟังแล้วไม่เข้าใจเลยสักคำดังรอบตัวผม ....ผมก็ได้แต่ยิ้มรับอย่างเขินอาย ><
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ตอนบ่ายผมต้องกลายเป็นคุณครูสอนวิชาเลขและภาษาไทยให้เด็กแม้วทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ในหมู่บ้าน ( ครูแสนเสนอชื่อผม -*-a )
โชคดีที่บางคนก็พูดไทยได้ ถึงจะไม่ค่อยชัดก็เถอะแต่ก็ยังดีกว่าคนที่พูดไม่ได้เลย -*-a ( ไม่เคยสอนใครได้ลำบากมากมายขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต T_T )
ผมสนใจเด็กแม้วอยู่คนนึงชื่อ "เอ็งหวา" ( ออกเสียงยากมากแต่ก็ประมาณนี้แหละ -*-a ) อายุประมาณ 16-17 หน้าตาดีหล่อขาวหน้าเรียวยาวคิ้วหนาตัวสูงเท่
เรียกได้ว่าเป็นแม้วที่หล่อที่สุดเท่าที่เคยเจอมา 555 โชคดีที่มันพูดไทยได้ดีในระดับนึงไม่งั้นคงแย่แน่เลยตู ....แห้วแดก 555
เอ็งหวาพาผมเดินเที่ยวในป่าเพื่อหากล้วยไม้ป่าแล้วเอาไปขาย .....ผิดกฏหมายนะนั่น เหอะๆ แต่ช่างเถอะ บางเรื่องเราต้องทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่บ้าง
ผมชอบเอ็งหวาตรงที่มันเป็นเด็กร่าเริงชอบหยอกล้อพูดเล่นกับทุกคนที่พบเจอ ผมกับเอ็งหวาเดินเล่นจนถึงเนินเขาด้านในของป่าดงดิบก็เจอบ้านบนต้นไม้
(
เรียกอีกอย่างนึงว่า "ห้าง" ) ที่เอ็งหวามันมาทำเอาไว้นอนเล่นเวลาขี้เกียจกลับบ้าน ผมมองเห็นทางขึ้นเป็นเชือกเส้นเดียวให้ปีนขึ้นไปจนถึงระเบียงเล็กๆ
ผมเลยขอขึ้นไปสำรวจ ไม่ถึง 20 วินาทีเอ็งหวาก็ปีนตามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ( สูงประมาณตึก 4 ชั้น ) แล้วเดินไปหยิบกล้วยมาให้ผมหวีนึง
ผม - "เห็นเผือกๆ ก้างๆ อย่างนี้แข็งแรงใช้ได้เลยนี่หว่า .....วิวสวยแฮะ" ผมชมเอ็งหวาแล้วเดินไปยืนดูวิวที่ระเบียงเห็นหุบเขาเรียงตัวกันสลับซับซ้อนสวยงาม
เอ็งหวา - "ตอนกลางคืนจะสวยกว่านี้ จะเห็นดาวเยอะแยะเลย" เวลาอ่านให้คิดถึงแม้วหรือชนเผ่าตามหุบเขาที่พูดไม่ค่อยชัดนะ 555
ผม - "ก็อยากดูอยู่หรอก แต่มันอันตรายอะเด่ะ .....เข้ามาซะลึกขนาดนี้" ผมดูนาฬิกาที่มีเข็มทิศในตัวแล้วหยิบแผนที่ในกระเป๋ากางเกงออกมากาง
เอ็งหวา - "เราอยู่กันตรงนี้ ....บ้านเอ็งหวาอยู่ตรงนี้ ....บ้านผู้พันอยู่ตรงนี้" เอ็งหวาชี้บนแผนที่บอกผมว่าอะไรอยู่ตรงไหนอย่างคล่องแคล่ว
ผม - "โฮ่ ดูแผนที่เป็นด้วยแฮะ เก่งๆๆ .....โอเคๆ งั้นอยู่ดูดาวที่นี่สักคืนก็ได้" เอ็งหวายิ้มดีใจรีบจัดเก็บที่หลับที่นอนอย่างดี
เอ็งหวา - "ผู้พันเป็นคนสอนเอ็งหวาเอง ผู้พันยังสอนให้เอ็งหวายิงปืนด้วย" เอ็งหวาหยิบปืนยาวขนาด .22 ออกมาจากกองผ้าบนที่นอนแล้วทำท่าจะยิงให้ผมดู
ผม - "ไหนลองยิง ....เอ่อ ....นกตัวนั้นดิ" ผมชี้ให้เอ็งหวาดูนกตัวน้อยๆ ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 70-80 เมตร เอ็งหวาเอาพานท้ายปืนประทับร่องไหล่อย่างดี
แล้วนั่งชันเข่าลงที่ระเบียง เอ็งหวาคว่ำมือซ้ายแล้ววางไว้ที่ขอบระเบียงก่อนเอาตัวปืนวางบนมือระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้ เอ็งหวาเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ศูนย์เล็ง
อย่างช้าๆ แล้วหลับตาซ้ายลง ประมาณ 3 วินาทีเอ็งหวาก็ลั่นไกออกไป ผมปรบมือให้เอ็งหวาที่ยิงนกตัวนั้นจนร่วงลงไปที่ผืนป่าด้านล่าง ( ใช้ได้สำหรับแม้ว )
เอ็งหวา - "คราวหน้าเอ็งหวาจะปกป้องทุกคนในหมู่บ้านเอง" ผมกับเอ็งหวานั่งคุยกันพักใหญ่จนไอ้เล็ก ว. เข้ามาที่วิทยุของเอ็งหวาที่อยู่บนชั้นกลางบ้าน
ไอ้เล็กเล่าให้ฟังว่าเพิ่งไปฟันหญิงมาที่หมู่บ้านข้างๆ ถึง 2 คน ( กิ๊กมันน่ะแหละ ) ผมเลยบอกให้มันหามาเผื่อผมกับเอ็งหวาด้วย เอ็งหวาเลยยิ้มอย่างอายๆ
ผมถามเอ็งหวาว่าเคยมีไรกับผู้หญิงแล้วรึยัง ? เอ็งหวาบอกว่าไม่เคย ....เด๋วผิดผี !!! ( จะมืดอยู่แล้วดันมาพูดเรื่องผีๆ ในป่า เหอะๆ -*-a )
เอ็งหวาถามผมว่าต้องทำยังไงบ้างเวลามีไรกับผู้หญิง -*-a ผมไม่รู้จะตอบยังไงเลยหยิบมือถือออกมาแล้วเปิดคลิปให้ดู เอ็งหวานั่งดูอย่างสนอกสนใจบนที่นอน
ส่วนผมนั่งกินกล้วยดูสิงสาราสัตว์กลับรังอยู่ที่ระเบียง
เอ็งหวา - "พี่ๆ ทำไมมันไม่ขยับแล้วอ่ะ ? เอ็งหวาไม่ได้กดไรเลยนะ" เอ็งหวาเดินเป้าตุงชี้โด่ออกมาเป็นลำถือมือถือมาหาผม ( มันไม่ได้ใส่กางเกงในจึงเห็นชัด )
ผม - "อ๋อ มันจบแล้วน่ะ" เอ็งหวาส่งมือถือให้ผมแล้วนั่งขัดสมาธิกุมเป้าเอาไว้ 
เอ็งหวา - "มีอีกมั้ย ??? แหะๆ" 
ผม - "มี ....จะดูอีกหรอ ? ไม่เคยดูล่ะซิ 555 .....อะ จบแล้วบอกนะเด๋วกดให้ใหม่ ....แล้วอย่า .....บนนี้ล่ะ 555" ผมกำมือแล้วทำท่าชักว่าวเอ็งหวาทำหน้างงทันที
เอ็งหวา - "ทำอะไรหรอ ?" เอ็งหวาทำมือตามผมอย่างงงๆ ดวงตามันใสซื่อจนผมอึ้ง
ผม - "ชักว่าวไง ....ไม่รู้จักหรอ ? ....ตลกน่า อายุขนาดนี้แล้วชักว่าวไม่เป็นไม่มีหรอก"
เอ็งหวา - "ชักว่าวหรอ ? .....รู้จักๆ เอ็งหวาทำเป็น" เอ็งหวาหันไปหยิบกระดาษและเศษไม้ที่ตกอยู่บนระเบียงมาทำ "ว่าว" ขนาดจิ๋วให้ผมดู O_o"
ผม - "เออ พอๆๆ เชื่อแล้วว่าทำเป็น 555" ผมหัวเราะขำจนปวดท้องสำลักกล้วยที่เด็กอายุ 16-17 ชักว่าว ( ช่วยตัวเอง ) ไม่เป็น 5555
มีความเป็นไปได้สูงที่เอ็งหวาจะชักว่าวไม่เป็นเพราะหมู่บ้านที่เอ็งหวาอยู่ห่างไกลจากสื่อทุกประเภท หนำซ้ำเอ็งหวายังไม่เคยออกจากหมู่บ้านอีกด้วย
เอ็งหวาเป็นเด็กวัยรุ่นที่อายุเยอะที่สุดในหมู่บ้านเพราะคนอื่นๆ ออกไปหางานทำกันหมดแล้วก็ไม่เคยกลับมากันอีกเลย แต่เอ็งหวาจึงเลือกที่จะอยู่ที่นี่แทน
ผมเลยอธิบายให้ฟังอย่างเรียบง่ายเกี่ยวกับวิชาสุขศึกษาให้ฟัง แต่เอ็งหวามันไม่ฟังน่ะซิ มันเอาแต่นั่งดูคลิปหนังโป๊ในมือถือผมอย่างใจจดใจจ่อ -*-a
ผมเอาเปลือกกล้วยปาใส่มัน มันก็หัวเราะแหะๆ แล้วให้ผมอธิบายอีกรอบ ( แต่ก็ยังเหลือบมองคลิปในมือถือเป็นพักๆ )
เอ็งหวา - "แล้วไอ้ชักว่าวที่พี่ว่ามันทำยังไง ? เคยได้ยินแต่ผู้ใหญ่เค้าพูดกัน" ผมนั่งนิ่งแปปนึงก่อนจะบอกให้มันกำลำท่อนของตัวเองจนรอบแล้วขยับขึ้นลงๆ 
เอ็งหวาจึงทำตามที่ผมบอก เอ็งหวาถึงกับสะดุ้งแล้วยิ้มให้ผมเมื่อล้วงเข้าไปในกางเกงวอร์มขายาวสีเขียวซีดๆ แล้วชักขึ้นชักลงเพียงไม่กี่ที 
เอ็งหวานั่งพิงระเบียงแล้วชักว่าวในกางเกงไปอย่างช้าๆ พร้อมกับดูคลิปในมือถือผมจนเริ่มออกอาการเสียวอย่างเห็นได้ชัด 
ผม - "เอาเลยตามสบาย ....มันเป็นเรื่องปกติของผู้ชายที่ใครๆ เค้าก็ทำกัน" เอ็งหวาหันมามองผมอย่างอายๆ หลายครั้งผมเลยบอกไปแบบนั้น
เอ็งหวาเปลี่ยนท่านั่งจากขัดสมาธิเป็นยืดขาทั้งสองข้างแล้วชักว่าวในกางเกงต่อจนขาเริ่มเกร็งปลายเท้าเริ่มหงิกงอเม้มปากเกร็งแขนสาวว่าวในกางเกงตับๆ
ผม - "ระวังน้ำแตกเลอะกางเกงเน้อ" ผมหันไปบอกเอ็งหวาแล้วกลับไปส่องดูกวาง 2 ตัวที่อยู่ตรงโป่งต่อ ( ไม่นึกว่าที่นี่จะมี เหอะๆ )
เอ็งหวา - "น้ำไรแตกหรอ ?" เอ็งหวาหันมาถามผมอย่างงงๆ เหมือนเดิม -*-a ( แต่มือก็ยังชักว่าวอย่างไม่หยุด แถมเร็วขึ้นจากเดิมอีกด้วย )
ผม - "เอ็งเคยฝันว่ามีอะไรกับผู้หญิงมะ ?" ( เอ็งหวาพยักหน้า )
ผม - "หลังจากฝันแล้วพอเอ็งเคยตื่นขึ้นมา ....ควยเคยเปียกมะ ?"
เอ็งหวา - "เคย เมื่อเช้าก็เป็น .....ตอนเด็กๆ นึกว่าเยี่ยวรดที่นอนแต่พ่อบอกไม่ใช่ ....มันเหนียวๆ ลื่นๆ กว่าเยี่ยว"
ผม - "นั่นเค้าเรียกว่า ฝันเปียก ส่วนไอ้น้ำที่ออกมาเรียกว่า อสุจิ หรือน้ำกาม .....ตอนนี้เอ็งกำลังชักว่าวอยู่ ไม่นานมันก็จะออกมา เรียกว่า น้ำว่าว"
เอ็งหวาพยักหน้าอือๆ วางมือถือลงแล้วเปิดกางเกงวอร์มตรวจดูลำท่อนของตัวเอง ผมงี้ถอนหายใจอยู่หลายรอบที่ต้องสอนแม้วให้ช่วยตัวเองเป็นครั้งแรก ><
ผม - "เป็นไง มันส์มะ ?" เอ็งหวาพูดอะไรได้แต่พยักหน้าแล้วดูคลิปในมือถือต่อพลางชักว่าวในกางเกงวอร์มเร็วขึ้นเรื่อยๆ
เอ็งหวา - "โอ๊ยยยย ปวดเยี่ยว !!!" เอ็งหวาหยุดชักว่าวแล้วนั่งหอบแห่กๆ ก่อนจะหันมายิ้มให้ผมอย่างเหน็ดเหนื่อย
ผม - "นั่นไม่ใช่ปวดเยี่ยว เค้าเรียกว่าน้ำจะแตก" เอ็งหวานั่งหายใจฟืดฟาดแปปนึงแล้วเอามือล้วงเข้าไปในกางเกงวอร์มต่อก่อนจะชักว่าวต่อจนตัวเกร็ง
เอ็งหวา - "โอ๊ยยยย .....น้ำจะแตกแล้ว !!! อื้ออออออ" ผมหันมาดูอย่างขำๆ กับสภาพของมันที่เป็นอยู่ ( เสียว ) แล้วบอกให้เอ็งหวาชักว่าวอย่าหยุดแล้วเร็วขึ้นอีก
เอ็งหวาวางมือถือผมลงแล้วชักว่าวเร็วขึ้นกว่าเดิมส่วนมือซ้ายบีบกำหน้าขาตัวเองแน่น เอ็งหวาหลับตาเงยหน้าอ้าปากหวอก่อนตัวจะกระตุก 2-3 ที
แล้วกางเกงวอร์มสีเขียวซีดๆ ของเอ็งหวาก็เปียกเป็นวงตรงเป้ากางเกง ผมยืนดูตั้งแต่จนจบก็เกิดอารมณ์อยู่เหมือนกันแต่ต้องเก็บอารมณ์เอาไว้ 
เอ็งหวานั่งพิงระเบียงหอบแห่กๆ ลุกขึ้นถอดกางเกงวอร์มออกก่อนจะเอาผ้าเช็ดทำความสะอาด ผมงี้ใจหายแว๊บบบบเลยทันทีที่เห็นลำท่อนของเอ็งหวา 
มันทั้งขาวและยาวมาก >< ประมาณ 7" เห็นจะได้ มีขนพอประมาณแค่เฉพาะตรงโคนลำท่อนเท่านั้น ตอนนี้ลำท่อนขาวนวลขนาด 7" ของเอ็งหวา
ชุ่มไปด้วยน้ำว่าวที่เพิ่งแตกไปตะกี้อย่างมากมายขาวเขรอะไปหมด
ผม - "เอ็งหวา ....เอ็งแก้ผ้าต่อหน้าพี่อย่างนี้ไม่อายหรอวะ ?"
เอ็งหวา - "พ่อบอกว่าผู้ชายเหมือนกันจะอายทำไม ....พี่อายหรอ ?" กูไม่อาย ...แต่กูเสียว >< เอ็งหวายืนเช็ดทำความสะอาดลำท่อนพลางลูบเล่นไปมาที่พวงไข่
ก่อนจะหยิบผ้าขาวม้ามานุ่งแล้วมานั่งกินกล้วยส่องสัตว์กับผม เอ็งหวาแต่พูดเรื่องที่มันเพิ่งชักว่าวจนน้ำแตกจนฟ้ามืดทำเอา .357 ของผมแข็งไปหมด ><
แถมทำท่าว่าจะชักต่อเพราะลำท่อนของมันยังแข็งอยู่ ( สงสัยจะติดใจ เหอะๆ ) ผมเลยบอกเด๋วคืนนี้ค่อยชักต่อเด๋วผมชักด้วย เอ็งหวาออกอาการอยากรู้อยากดู
อยากเห็นของผมทันทีว่าเหมือนของมันมั้ย 555
เวลาต่อมา
พอมืดลงเอ็งหวาก็จุดตะเกียงไว้กลางบ้านก่อนขอมือถือผมไปนอนดูคลิปโป๊อีกรอบบนที่นอน ( ผมสอนมันละว่ากดตรงไหนอะไรยังไงจนมันเป็น )
เอ็งหวาที่ใส่เสื้อกันหนาวสีดำกับผ้าขนหนูผืนบางเอนตัวลงนอนบนที่นอนแล้วถลกผ้าขาวม้าขึ้นมาไว้ที่เอวก่อนจะเริ่มชักว่าวจากช้าไปเร็วอีกรอบพลางดูคลิป
ผมหันไปเห็นอย่างนั้นก็ทนไม่ไหวเลยเข้าไปนอนด้วย ผมล้มตัวลงนอนเอ็งหวาเลยขยับให้ผมนอนด้วย
ผม - "อย่าสั่นดิ ...ถือดีๆ หันซ้านนิดนึง ...เออ เห็นละ" ผมปลดเข็มขัดปลดตะขอรูดซิปแล้วงัด .357 ของตัวเองออกมาชักว่าวมั่ง 
เอ็งหวาชะโงกหน้ามามอง .357 ผมแล้วก็ยิ้มให้ก่อนจะหันไปดูคลิปต่อแล้วชักว่าวอย่างเมามันส์ เอ็งหวาดูจะสนใจจิ๋มเป็นพิเศษเพราะขอให้ผมกดดูซ้ำแล้วซ้ำ
อีกตอนฝ่ายหญิงโดนลงลิ้นจนเยิ้มไปหมดก่อนจะโดนเสียบ
เอ็งหวา - "อย่าวนี้มันส์มั้ยพี่ ?" เอ็งหวาถามผมแล้วชี้ให้ดูขณะที่ฝ่ายหญิงกำลังโม๊คให้ฝ่ายชายอย่างดุเดือด
ผม - "มันส์ดิ โคตรเสียวเลยแหละ ....ยิ่งกว่าชักว่าวอีก" เอ็งหวาครางในลำคอเกร็งหน้าท้องชักว่าวตับๆ ตอนฝ่ายชายโดนโม๊คจนแตกคาปากฝ่ายหญิง
สักพักเอ็งหวาก็หยุดชัก ผมนึกว่าเอ็งหวาเสร็จไปแล้วเลยกันไปมองเห็นมันนอนหายใจแรงๆ ฟืดฟาดๆ สะบัดมือขวา
ผม - "เมื่อยหรอ ? ....มาชักให้" ผมเอื้อมมือไปจับลำท่อนชาวนวลขนาด 7" ของเอ็งหวาทันทีจนเอ็งหวาสะดุ้งแต่ก็ไม่ขัดขืนอะไรให้ผมจับต่อ
ผมกำลำท่อนขาวนวลของเอ็งหวาแบบเต็มไม้เต็มมือด้วยมือขวา ลำท่อนขาวนวลของเอ็งหวาร้อนผ่าวกระะตุกงึกๆ แถมมีน้ำใสๆ ไหลออกมาจากส่วนหัว
ผมรูดขึ้นรูดลงช้าๆ จนสุดโคนส่วนหัวจึงโผล่ออกมาจนหมดเอ็งหวาถึงกับร้องโอ๊ยจนตัวสั่นจับมือผมแน่น ( ลืมบอกไปว่าส่วนหัวของเอ็งหวายังเปิดไม่หมด )
ผมเลยหยุดแล้วรูดต่อเบาๆ จนส่วนหัวโผล่ออกมาอีกรอบ เอ็งหวาทั้งเกร็งทั้งครางสลับกันอย่างได้อารมณ์ ผมเร่งจังหวะรูดลำท่อนขาวนวลของเอ็งหวาเร็วขึ้น
จนเอ็งหวาไม่ดูคลิปในมือถือผมแล้วที่นี่ เพราะมัวแต่เงยหน้าหลับตาซี๊ดปากเกร็งลำท่อนจนแข็งเป๊กสู้มือผม เอ็งหวาหันไปดูคลิปในมือถือเป็นพักๆ
ก่อนจะหันกลับไปหลับตาซี๊ดปาครางในลำคอต่อ เอ็งหวาหันมายิ้มแล้ววางมือถือผมลงก่อนเอื้อมมือมาจับ .357 ของผมแล้วรูดขึ้นรูดลงบ้าง
ผมครางซี๊ดออกมาอย่างลืมตัวเมื่อเอ็งหวาเอื้อมมือมาสาวว่าวให้ผมอย่างต่อเนื่อง มือขวาผมเลยสาวว่าวให้เอ็งหวากลับไปเร็วๆ มั่ง 
ผมพนันกับเอ็งหวาว่าใครจะแตกก่อนกัน ( มันท้าผม เหอะๆ ) ผมเลยถือมือถือด้วยมือซ้ายเพื่อดูคลิปกับเอ็งหวาเพื่อสร้างอารมณ์พลางสาวว่าวให้มันอย่าเร็ว 
(
มันก็สาวว่าวให้ผมเร็วๆ เช่นกันเพราะกลัวแพ้ -*-a ) 
ผ่านไปเรื่องแล้วเรื่องเล่า ( เรื่องละ 10 กว่านาที ) ก็ยังไม่มีทีท่าจะใครจะเสร็จก่อนใครได้แต่เกร็งเสียวกันไปเกร็งเสียวกันมา ....ผมเริ่มมีทีท่าจะว่าเสร็จก่อน
แต่ยังไงซะผมก็ไม่ยอมแพ้มันหรอก สู้โว๊ยยยยยย ><
ในที่สุดผมก็นึกแผนเด็ดๆ ที่จะทำให้ชนะ หุๆ 
เอ็งหวา - "พี่ ....อย่าซ้ำฉากนี้เยอะดิ .....โกง .....โอ๊ยยยยย จะแตกแล้ว !!! .....อ้าาาาาาา" เอ็งหวาครางลั่นเกร็งตัวเกร็งลำท่อนก่อนจะปล่อยน้ำออกมารดมือผม
และหน้าท้องของตัวเองจนเลอะไปหมด .....ผมชนะ หุๆ เอ็งหวานอนหอบแห่กๆ ขำออกมาเบาๆ บ่นเป็นภาษาแม้วว่า "ผมขี้โกง ทหารขี้โกง" 
ผม - "อะไรวะ ???? เห็นแค่นี้ก็แตกละ แล้วถ้าของจริงก็ไม่ถึงร้องไห้เลยหรือวะ ??? 555" เอ็งหวาต่อยแขนผมหลายแอ้กแก้เขินผมเลยขำหนักกว่าเดิม
ผม - "เอ้า .....แพ้แล้วต้องทำไง ??? 5555" ผมหันไปถามเอ็งหวาที่กำลังนอนเช็ดคราบน้ำที่เลอะหน้าท้องหน้าอกของตัวเองอย่างมากมาย
เอ็งหวา - "ไม่เอา ไม่ทำ 5555" เอ็งหวายิ้มนอนหัวเราะกลิ้งไปกลิ้งมาอย่างเขินอาย
ผมพนันกับเอ็งหวาว่าใครแตกก่อนคนนั้นแพ้แล้วคนที่แพ้ต้องโม๊คให้คนที่ชนะ 555 เมื่อเอ็งหวาไม่ทำผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ( แล้วก็ไม่ได้บังคับให้ทำ ) 
เพราะเรื่องแบบนี้มันบังคับกันไม่ได้ เอ็งหวาหันมาสาวว่าวให้ผมต่อด้วยมือขวาอย่างรวดเร็วจนผมถึงจุดสุดยอดด้วยความเสียว
ผมกับเอ็งหวานอนคุยกันเรื่องจิปาถะก่อนจะวกมาเรื่อง sex แล้วก็ชักว่าวกันต่ออีก 2 รอบก่อนจะฟุบหลับคาที่กันทั้งคู่ ( อากาศหนาวมาก >< )
??? - "
เอ็งหวา ....เอ็งหวา !!!" เสียงของผู้หญิงคนนึงตะโกนขึ้นมาจนเอ็งหวาตกใจตื่นอย่างรวดเร็ว
ผมกับเอ็งหวาลุกขึ้นไปดูก็ยังไม่เห็นต้นเสียงทั้งซ้ายและขวา สักพักก็มีผู้หญิงคนนึงเดินออกมาจากพุ่มไม้ที่ห่างออกไปประมาณ 25 เมตรอย่างหมดสภาพ
เอ็งหวา - "#%$^ .....@*%^%_%(!@$ ???" <---- แปลว่า "แม่ .....มาทำไรดึกๆ ดื่นๆ เนี่ย ?" ....มั้ง -*-a
แม่เอ็งหวา - "ช่วยแม่ด้วย เมื่อกี้แม่สะดุดล้มจนเจ็บขา ....ลงมาช่วยแม่หน่อย" ผมแปลกใจที่ผู้หญิงคนนั้นพูดภาษาไทยออกมาอย่างชัดเจน 
เลยจะหันไปบอกเอ็งหวาว่ามันแปลกๆ แต่เอ็งหวารีบจุดตะเกียงอีกอันแล้วทำท่าจะปีนลงไปหาแม่อย่างรวดเร็งแต่ผมจับไหล่ดึงตัวห้ามเอาไว้
ผม - "โทษทีนะน้า ผมคงให้เอ็งหวามันลงไปไม่ได้หรอก .....ไปซะ" เอ็งหวาทำหน้างงสะบัดมือผมออกจากไหล่แล้วจะปีนลงไปอย่างเดียว
ผมเลยหยิบมีดที่เข็มขัดด้านหลังของผมออกมาฟันจนเชือกขาดแล้วกระชากคอเสื้อเอ็งหวาเข้าไปในบ้าน
ผม - "เอ็งหวา .....ฟังให้ดีนะ เอ็งมีประสบการณ์เดินป่าแถวนี้มานาน ....ลองคิดดูซิ แม่เอ็งเดินมาถึงที่นี่ได้ไงโดยไม่มีไฟ ??? ต่อให้ล้ม ....ก็ต้องหาไฟให้เจอ"
ป่าดงดิบที่นั่นมืดสนิทในเวลากลางคืนการที่เดินตะลอนๆ มาตามใครโดยไม่มีไฟนำทางถือว่าเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ ซึ่งเอ็งหวาเองก็รู้เรื่องนี้ดี
ผม - "ที่สำคัญ ....ไม่มีใครรู้ไม่ใช่หรอว่าเรามาที่นี่ ?" เอ็งหวายืนอึ้งอีกรอบแล้วชะโงกหน้าออกไปดูผู้หญิงคนนั้นที่กำลังเรียกหามันอย่างไม่หยุดหย่อน
ผมหยิบปืนยาวขนาด .22 ไฟฉายและตะเกียงออกมายืนที่ระเบียงโดยให้เอ็งหวาอยู่ในบ้าน ผู้หญิงคนนั้นเลยมองเขม็งมาที่ผมแล้วทำท่าจะปีนขึ้นมาข้างบน
ผมเขวี้ยงตะเกียงลงไปจนไฟลุกโชน ....ผู้หญิงคนนั้นทำให้ผมตกใจจนขนลุกซู่ทันทีที่หล่อนกระโจนหนีออกจากกองไฟใกล้โคนต้นไม้
ผม - "ไหนบอกเจ็บขาไงน้า ??? ....โดดเป็นลิงเป็นค่างเชียวนะ" ผมขึ้นลำกล้องปืนยาวขนาด .22 แล้วท่องคาถาที่ปู่ผมสอนตอนเด็กๆ เป็นคาถาของรัชกาลที่ 5
(
สยามมินโด วะโรหิติ พุทธะสังมิ สะหะกาจะโร ....ฯลฯ ) แล้วยิงขู่ไปใกล้ๆ ขาของผู้หญิงคนนั้นจนกระโดดอีกรอบ
ผม - "นัดต่อไป ....หัวกระจายแน่" ผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นมามองอย่างหน้ากลัวก่อนจะเดินหายเข้าไปในป่าพร้อมเสียงกรี๊ดที่ดังลั่นป่าจนแสบหู
ผมกับเอ็งหวาขนลุกซู่มองหน้ากันพยายามจะหัวเราะแต่ก็หัวเราะไม่ออก 555 ผมกับเอ็งหวานอนคุยกันถึงเรื่องนี้ด้วยความตื่นเต้นวิเคราะห์กันไปต่างๆ นาๆ
ผมกับเอ็งหวาเลยแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องลี้ลับในป่ากันอย่างเมามันส์จนแสงสีทองอร่ามของพระอาทิตย์สาดแสงโผล่ขึ้นมาทางทิศตะวันออก
***************************************
เรื่องแบบนี้มันเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ ....ไม่งั้นจะซวย เพราะคนที่ไม่เจอไม่รู้หรอก เหอะๆ
ถ้ามีโอกาสจะเล่าเรื่องของไอ้นพ ( ที่ตายไปแล้ว ) ให้ฟัง >< ( เล่นเอาทักร้องเฮ๊ยลั่นบ้าน ส่วนผม ....ถึงกับต้องยืนเกาะตู้กับข้าวเพราะลมจะใส่ T_T )
อ้อ ลืมเฉลย
นายเอและนายบี - เด็กมัธยมปลายหน้าตาดีในจังหวัดสุโขทัย ( ผมยังไม่เคยเห็นตัวมันเป็นๆ นอกจากไอ้สู้คนเดียว .....น่าสน หุๆ )
นายซี - ลูกชายคนเล็กของครูแสน ชื่อ "สังข์" ( ตอนนี้ย้ายไปอยู่ในที่ปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว )
โจทย์ของนายซี - ไม่ใช่ผม.....แต่เป็น "ไอ้สู้" ต่างหากล่ะ 555  ( แต่หลายคนคงคิดว่าเป็นผมแน่ๆ 555 )
บุรุษปริศนา - ไอ้เสือ ....ฉายา "เสือหมอกที่ 3" ( ลูกศิษย์ของผมกับไอ้สู้ที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมานานที่ใต้ - Vol.15 )
BY :  XIII Post : 2010-01-28

No comments:

Post a Comment