Sunday, 16 January 2011

บทที่ 62 " ก่อนถึงวันแห่งความรัก "

ย้อนไปเมื่อหลายวันก่อนช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2010 ............
วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ 2010 เวลาประมาณ 0215 pm ณ อาคารแห่งนึงในจังหวัดปราจีนบุรี
ชายคนนึงกำลังนั่งตวัดพู่กันละเลงสีลงบนผืนผ้าใบด้วยความสงบและเยือกเย็นท่ามกลางหนังสือนับพันที่วางกองกันระเกะระกะอยู่รอบตัว
เมื่อผมมองไปทางซ้ายหรือทางขวาก็จะเห็นชั้นวางหนังสือขนาดใหญ่เรียงรายแน่นเอียดอยู่ตลอดทั้ง 2 ข้างทางเดินตรงกลางที่พาดยาวไปสู่ประตูอีกฝาก
เสียงเพลงบรรเลงจากวิทยุเครื่องเก่าที่วางอยู่บนโต๊ะบวกกับกลิ่นของสีน้ำและแสงแดดที่ส่องลงมาทางช่องกระจก
ทำให้ห้องนั้นดูมีมนต์ขลังอย่างน่ากลัว ชายคนนั้นหันไปรินเหล้าแล้วดื่มจนหมดแก้วก่อนจะลุกหันผลงานที่เค้าวาดให้ผมดู
??? - "
ชีวิตมึงก็เหมือนกับผ้าใบผืนนี้ .....ที่คอยให้คนอื่นกำหนดรูปทรงกำหนดสีตามที่เค้าต้องการ .....เมื่อไม่ได้ตามที่ต้องการก็ทำลายทิ้งแล้ววาดใหม่"
ผม - "โทษที ผมเกลียดวิชาศิลปะ สอบวาดรูปทีไรเกือบตกทุกที .....เลยไม่ค่อยจะรู้ไรเกี่ยวกับรูปนั้น"
??? - "
ชีวิตคนเรามีหลายสีตามช่วงเวลา บางคนสีนั้นบางคนสีนี้พอเวลาเปลี่ยนสีก็จะเปลี่ยน ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่อยากให้มันเปลี่ยน ....นั่นคือ เรากำหนดมันไม่ได้"
ผม - "อย่างนี้คงต้องยกให้เป็นอาร์ทตัวพ่อแล้วล่ะมั้ง"
??? - "
เก็บรูปนี้ไว้เป็นกรณีศึกษาก็แล้วกันนะ" ชายคนนั้นเขวี้ยงรูปที่ตัวเองวาดใส่ผมอย่างรวดเร็ว ผ้าใบผืนนั้นมีขนาด 1x1 เมตรกรอบเป็นไม้อัดลอยละลิ่ว
หมุนเฉี่ยวหัวผมไปนิดเดียวเมื่อก้มตัวหลบ พอเงยหน้าขึ้นมาก็เจอเก้าอี้อีกตัวพุ่งเข้ามาผมจึงกระโดดหลบไปทางซ้ายแล้วหยิบปืนออกมาจากซองใต้รักแร้
เก้าอี้ตัวนั้นกระแทกกองหนังสือที่ซ้อนกันเป็นชั้นๆ อย่างแรงจนหนังสือล้มระเนระนาด
ผม - "ผมนึกว่าครูชอบอ่านหนังสือซะอีก" ผมหันออกไปเตรียมยิงแต่โดนครูแสนที่ยืนดูดบุหรี่ยิงสวนกลับมาก่อนด้วยปืนรีวอลเวอร์ .44 แมกนั่ม
ครูแสน - "ชอบซิ ชอบพอๆ กับบุหรี่และเหล้านี่เลยล่ะ" ครูแสนยิงอย่างต่อเนื่องจนผมต้องรีบออกจากตรงนั้นแล้วหลบไปอยู่ข้างหลังชั้นวางหนังสือชั้นต่อไป
ที่มีหนังสือวางอยู่มากกว่าชั้นแรก พอครูแสนหยุดยิงผมจึงมองลอดชั้นวางหนังสือเห็นครูแสนกำลังยืนกระดกเหล้าอึกๆ จนหมดแก้ว
ผม - "ดูถูกกันจริง ตาแก่ขี้เมาเอ๊ย !!! .......แม่ง !!!" ครูแสนโหลดกระสุนใส่ลูกโม่แล้วหันมายิงผมอย่างแม่นยำจนเฉี่ยวหัวผมไปนิดเดียว
ครูแสน - "หูกูดีนะโว๊ยไอ้เหลี่ยม !!! .....ออกมาให้ยิงซะดีๆ กูแก่แล้วขี้เกียจเล่นวิ่งไล่จับนะเฟ๊ย"
ผม - "555555 รู้ตัวว่าแก่ก็ดีแล้ว !!! จะได้ปลดระวางสักที" ผมออกไปยิงครูแสนอย่างรวดเร็วแต่ครูแสนก้มตัวหลบหลังกองหนังสือได้ทันก่อนจะโผล่ออกมา
ยิงสวนกลับจนหมดโม่แล้วปาระเบิดควันใส่ผม ผมล้มตัวลงนอนแล้วคลานต่ำหลบหลังชั้นวางหนังสืออย่างรวดเร็ว
ผม - "ขี้โกงนี่หว่า !!! คนแก่ก็งี้แหละชอบใช้เครื่องทุ่นแรง ......แค่กๆ" ผมเริ่มสำลักควันสีขาวที่พวยพุ่งออกมาอย่างมากมายจากกระป๋องทรงกระบอกสีเขียว
ครูแสน - "รู้จักใช้เครื่องทุ่นแรงเพื่อให้ตัวเองได้เปรียบนี่ซิถึงจะเรียกว่ามืออาชีพ .....เอาล่ะออกมาให้กูยิงซะดีๆ ไอ้เหลี่ยม"
ผม - "ออกไปก็โง่เด่ะ ......เชื่อครูก็มีลูกเป็นหมาละ" ผมตกใจสุดๆ เมื่อเสียงฝีเท้าของครูแสนหายไปแล้วเข้ามาหยุดอยู่ตรงหลังชั้นวางหนังสือที่ผมหลบอยู่
ครูแสน - "ไม่ออกมาใช่มั้ย ????" ชั้นวางหนังสือขนาดใหญ่เอนลงมากำลังจะล้มหนังสือบนนั้นเลยร่วงกราวลงมาจากชั้นวางผมเลยรีบวิ่งออกจากตรงนั้นทันที
ผมพุ่งตัวหลบชั้นวางหนังสือที่ล้มลงมาเป็นโดมิโน่สไลด์ไปกับพื้นกระเบื้องของห้องสมุดจนกระแทกกับผนังห้องอย่างแรง
ท่ามกลางฝุ่นและควันที่ฟุ้งกระจายเต็มไปหมดผมตั้งสมาธิเพื่อจับการเคลื่อนไหวของครูแสน เมื่อรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว .....ครูแสนมาอยู่ข้างหลังผมซะแล้ว
ครูแสน - "ไง ??? เสียท่าง่ายๆ อย่างนี้เลยหรอ ???" ครูแสนเอาปืนรีวอลเวอร์ .44 แมกนั่มคู่ใจจ่อหัวผมจากด้านหลัง .....ตามที่ผมคาดการณ์เอาไว้
ผม - "ใช่ .....ง่ายๆ อย่างนี้แหละ" ผมดึงเส้นเอ็นที่ผูกไว้กับสลักของระเบิด flash bang ที่ผมวางเอาไว้ตรงระดับสายตาของครูแสนพอดี
ผมรีบหลับตาก้มตัวลงต่ำเพื่อหลบรัศมีระเบิดของ flash bang และกระสุน .44 แมกนั่มที่ครูแสนยิงออกมาแล้วถีบกลับหลังเข้าท้องครูแสนอย่างจังจนปลิว
ครูแสนยังไม่หมดฤทธิ์กราดยิง .44 แมกนั่มจนทั่วทำให้ผมเข้าไปจัดการต่อไม่ได้จึงถอยออกมาตั้งหลักหลังโต๊ะไม้ตัวใหญ่กลางห้องที่วางตะแคงติดตู้หนังสือ
ผมตั้งสมาธิกำหนดลมหายใจเข้าออกให้มีสมาธิมากขึ้นแล้วชะโงกหน้าออกไปดูครูแสนที่น่าจะยังนอนอยู่ตรงนั้น 
ผมคิดว่าโดน flash bang เข้าหน้าไปอย่างนั้นคงยังขยับไม่ได้ไปพักใหญ่แหละ เมื่อฝุ่นและควันจางลงทำให้ผมรู้ตัวว่า .....ผมคิดผิด !!!
ผมยืนขึ้นแล้วเดินเข้าไปดูอย่างระมัดระวังเพื่อความแน่ใจ แต่แล้วผมก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัวแล้วก้มตัวลงอย่างอัตโนมัติ ......บางอย่างผ่านท้ายทอยผมไปอย่างแรง
ผม - "มาไงวะ ???" ผมที่กำลังก้มตัวลงต่ำเหลียวซ้ายไปมองเห็นครูแสนแล้วหลุดปากถามออกไปด้วยความตกใจ
ครูแสน - "เดินมา !!!" ผมโดนหน้าแข้งซ้ายของครูแสนเข้าอย่างจังที่หน้าอกจนปลิวติดโต๊ะไม้ก่อนจะเข้ามาต่อยท้องอีก 2 หมัดอย่างรวดเร็วแล้วเตะปืนผมทิ้ง
ครูแสน - "บังอาจถีบกู" ครูแสนยิงหน้าขาข้างขวาของผมด้วย .44 แมกนั่มแล้วโหลดลูกใส่โม่ ผมร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดกำจุดที่โดนยิงจนแน่นด้วยสองมือ
ครูแสน - "เข้าในคิดนะเรื่องกับดัก ......ดักทางของศัตรูแล้วโต้กลับในจุดที่มันคาดไม่ถึง .....โชคดีที่กูหาไอ้นี่เจอก่อนที่จะโดนแฟลชลูกแรก"
ครูแสนโยนระเบิด flash bang อีกลูกที่ผมวางดักเอาไว้เผื่อครูแสนจะเข้ามาอีกทางที่ไม่ใช่ข้างหลังผมทิ้งก่อนจะดูนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง 
ครูแสน - "เหลือเวลาอีกนิดหน่อย .....เรามาเล่นรัสเซี่ยนรูเล็ตกันดีกว่า" ครูแสนเอาลูกกระสุนออกจนหมดก่อนจะใส่กลับเข้าไปใหม่ 1 นัด
ครูแสนหมุนรีวอลเวอร์อย่างเร็วก่อนจะสะบัดมือให้มันกลับเข้าไปในตัวปืน ......ครูแสนขึ้นนกดังแกร๊กเล็งปากกระบอกปืนจ่อหัวผม
ผม - "ถามไรหน่อยดิ ......ครูหาระเบิดลูกที่ 3 เจอยัง ???"
ครูแสน - "คิดจะลักไก่หรอ ???" 
ผม - "ครูจะลองวัดใจกับผมมั้ยล่ะ ??? ......เดิมพันด้วยชีวิต" ครูแสนขยับตัวออกห่างจากผมก่อนจะโหลดลูกเพิ่มแล้วยืนขึ้นเล็งปืนมาที่หัวผมต่อ
ครูแสน - "ลักไก่ ....ชัวว์"
ผม - "ครูคิดว่าผมจะยอมให้ครูเตะจนปลิวติดโต๊ะได้ง่ายๆ หรอ ?????" ระเบิด flash bang ลูกที่ 3 ผมวางไว้ในตู้หนังสือตั้งแต่ก่อนที่จะปลิวมาติดโต๊ะแล้ว
คราวนี้มีเศษกระจกช่วยอีกแรงครูแสนเลยเอามือทั้งสองข้างยกขึ้นกันหน้าของตัวเองทันที เมื่อสบโอกาสผมเลยชักมีดจากข้อเท้าขวาออกมาแทงคอครูแสน
ผม - "เสียท่าง่ายๆ อย่างนี้เลยหรอ ?"
ครูแสน - "ใช่ .....ง่ายๆ อย่างนี้แหละ"
เสียงนกหวีดดังไปทั่วพร้อมกับเสียงเชียร์โฮ่ร้องกันดังลั่นห้องสมุด ผมทรุดตัวลงนั่งพิงกองหนังสือด้วยความเหนื่อยล้า
ครูแสน - "โดนต่อยท้องตะกี้เจ็บป่าว ???" ครูแสนยื่นมือมาให้ผมจับแล้วพยุงให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะกอดคอผมจนแน่น
ผม - "ไม่เอาน่ะครู .....อึ๋ยยยยย ปล่อยยยยยย .....อายเค้าาาาาาา ......อ๊ากกกกกก ปล่อยยยยยยย" ทหารโดยรอบหยอกล้อผมที่โดนครูแสนกอดจนผมอาย ><
ผู้พันเชียร - "โดนศิษย์ล้างครูจนได้นะไอ้แสน 555555 .....มึงปล่อยให้ไอ้เหลี่ยมมันชนะมึงได้ไงวะ ???" ผู้พันเชียรพูดไปดึงหูผมไปจนหัวเอียงด๊อกแด๊ก -*-
ผม - "ถ้าเป็นเรื่องจริงครูแสนคงไม่มัวมายืนเล่นรัสเซี่ยนรูเล็ตหรอกครับ ......ผมดิแพ้ .....แพ้ตั้งนานแล้วล่ะ 5555" เสนารักษ์ 2 คนเข้ามาพยุงให้ผมไปนั่งที่เก้าอี้
เพื่อปฐมพยาบาลตามร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บ โดยเฉพาะจุดที่ครูแสนยิงกระสุน .44 แมกนั่มแบบลูกยางใส่หน้าขาขวาผม ......เจ็บมากกกกก T_T
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อตะกี้คือการจำลองสถานการณ์เพื่อซ้อมรบแบบ 1-1 กับข้าศึกที่มีความสามารถสูง เรียกว่า "STX-5" ( Situation Training Excercise - 5 )
การซ้อมรบ STX ของหน่วยรบทุกหน่วยจะมีกันเป็นประจำอยู่แล้วทุกๆ ปี แต่พวกผมจะแตกต่างตรงที่จะกำหนดสถานการณ์ค่อนข้างรุนแรงและสมจริง
มากกว่าหน่วยรบหน่วยอื่น รวมทั้งความถี่ในการซ้อมก็จะมากกว่า แต่การซ้อมแบบ 1-1 นี่นานๆ ทีพวกผมจะเจอซึ่งปกติจะเจอกับหน่วยอื่นซะมากกว่า
ครูแสนยืนคุยกับผู้พันเชียรเรื่องงานที่ใต้พลางเอามีดสปริง ( เหมือนมีดของเล่นที่เวลาแทงคมมีดมันจะหดเข้าไปในด้าม ) ตีหัวผมเล่น
ผู้พันเชียร - "งั้นส่งพวกไอ้เหลี่ยมไป"
ครูแสน - "ไม่ๆๆ ไอ้เหลี่ยมต้องอยู่นี่ เด๋วกูกับไอ้เล็กจะไปเอง" ผู้พันเชียรตีหน้ายักษ์ใส่ผมก่อนจะเดินออกไปจากห้อง .......กูทำไรผิดวะ ??? เหอะๆ -*-a
ผมออกมานั่งพักหน้าห้องสมุดร้างแห่งนึงในจังหวัดปราจีนบุรี สักพักก็ได้ยินเสียงปืนและระเบิดที่ดังอยู่ไม่ไกลจากอีกฝากนึงของตัวอาคาร
ไม่นานก็มีทหาร 5-6 นายวิ่งกระหืดกระหอบหนีการไล่ล่าจากทหารอีกกลุ่มนึงวิ่งตะโกนโหวกเหวกผ่านผมไปอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสเข้าไปในดงกล้วย
ไอ้สู้ - "ดูไอ้ซันจะสนุกกับ STX ครั้งนี้เหลือเกินนะ" ไอ้สู้นั่งลงข้างผมก่อนจะส่งน้ำและขนมให้
ผม - "เชื่อมะ กูไม่เคยเห็นมันหน้ามุ่ยตอนฝึกภาคสนามเลยว่ะ แม่งยิ้มตลอด .....ผลล่ะ ?" ผมเอนหลังพิงบันไดนอนกินขนมมองท้องฟ้าฟังเพลงอย่างสบายใจ
ไอ้สู้ - "กูส่งจ่าแกเข้าโรงบาลไปเรียบร้อยละ 5555"
ผม - "ไอ้ห่า แกล้งคนแก่บาปกรรมนะเว๊ย"
ไอ้สู้ - "ถ้าเป็นตาแก่คนอื่นก็ว่าไปอย่าง ดั๊นนนนเป็นจ่าอัสลามนี่เด่ะ .....มึงดูนี่" ไอ้สู้ถลกเสื้อให้ดูรอยคอมแบทที่โดนจ่าอัสลามยันที่หน้าอกแล้วหัวเราะก๊าก
ผม - "อ้าวหรอ ? 555555 มึงได้จ่าอัสลามหรอ ???? โชคร้ายดีจัง 55555"
ไอ้สู้ - "นิโอ๊ะดิซวยกว่า .....เสือกจับฉลากได้เจอกับมือวางอันดับ 2 ของอรินทราช"
ผม - "ดาบสุรเดชน่ะหรอ ????? .....ชิบหายละ !!! มันไม่ตายห่าไปแล้วหรอวะ ???"
นิโอ๊ะ - "ใครแช่งกูวะ ??? ตะกี้ได้ยินแว่วๆ" นิโอ๊ะเดินมาพร้อมหนังสือเล่มหนาแล้วโยนน้ำให้ผมกับไอ้สู้อีก 2 ขวดก่อนจะนั่งลงอ่านหนังสือที่อยู่ในมือ
ไอ้สู้ - "ไอ้บังนี่ตายยากจริงๆ"
ผม - "กำลังนินทาคนขี้แพ้อยู่น่ะ"
นิโอ๊ะ - "ใครหรอ ? .....โทษทีไม่ใช่กูแล้วล่ะ .....กูชนะว่ะ .....ดาบแกอายุมากแล้วนิ กูเลยแนะนำให้ไปเข้าวัดละ"
ไอ้สู้ - "ดาบสุรเดชน่ะนะจะเข้าวัด ???? เหอะๆ ......มึงชนะยังไงวะ ?"
นิโอ๊ะ - "ไม่มีไรมากใช้แค่ 1 สมองกับอีก 2 มือ" นิโอ๊ะหยิบขนมกินง่ำๆ นั่งอ่านหนังสืออย่างสบายใจ
ผม - "จ้าาาาาา พ่อขงเบ้ง ......เล่าให้ข้าน้อยฟังหน่อยเด่ะ" แล้วนิโอ๊ะก็เล่าให้ฟังว่าชนะยังไง ......เป็นยุทธวิธีกองโจรในป่าที่เลวร้ายมาก เหอะๆ -*-a
นิโอ๊ะ - "ต้องบอกว่าเป็นโชคดีของกูที่มึงกับไอ้เล็กพังห้องซะเละจนใช้ต่อไม่ได้เลยต้องเปลี่ยนที่ ดาบแกมั่นใจขนาดให้กูเลือกสถานที่เองเลยนะ กูเลยจัดให้"
ผม - "งั้นความดีความชอบครั้งนี้ก็ต้องยกให้ไอ้สู้กับไอ้เล็กซินะ"
นิโอ๊ะ - "กูไม่ขอบคุณหรอกนะบอกไว้ก่อน" นิโอ๊ะวางหนังสือในมือแล้วเอนหลังลงนอนคว้าหูฟัง iPod ของผมไปฟังด้วยข้างนึง
ไอ้สู้ - "ไม่ว่ากัน .....ว่าแต่ไอ้เล็กไปไหนวะ ?" ทหารประมาณ 10 นายวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกผมแล้วทำวันทยาวุธให้อย่างเข้มแข็งพวกผมจึงลุกขึ้นยืนรับ
นิโอ๊ะ - "เข้มแข็งอย่างนี้สงสัยรอบดึกคงจะสนุกน่าดู"
??? - "
จะจัดปาร์ตี้รอบดึกกันหรอ ? น่าสนุกดีนี่" ชายวัยกลางคนอายุประมาณ 45-50 ถือกระเป๋าสีดำใบใหญ่เดินมาทักทายส่งยิ้มให้พวกผม
ผม - "หวัดดีครับดาบ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ" ผมลุกขึ้นตะเบ๊ะตำรวจรุ่นพ่อที่เคยร่วมงานกันหลายครั้งก่อนที่ผมจะได้เลื่อนยศเป็นร้อยตรี
ดาบสุรเดช - "สักปีนึงแล้วล่ะมั้ง .....เอ็งล่ะ สบายดีมั้ยไอ้หนุ่ม ???" ดาบเดินเข้ามาตบไหล่ทักทายผมอย่างเป็นกันเอง
ผม - "สบายดีครับ .....แต่ความจริงก็ไม่ค่อยสบายสักเท่าไรหรอก 5555"
ดาบสุรเดช - "ชีวิตอย่างเราๆ หาความสุขกับเค้ายากว่ะ 5555 ....นี่ตำรวจที่เพิ่งย้ายมาใหม่ชื่อหมวดนิคม ...หมวดนิคม นี่หมวดน็อต มือปืนอันดับ 1 ของ ทบ."
ผม - "ดาบก็ว่าไปนั่น อันดับ 1 ต้องครูแสนนู่น .....ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน" นิคมเป็นตำรวจ ( ยศ ร.ท. ) ที่เพิ่งย้ายเข้ามาบรรจุในหน่วยอริณทราชของตำรวจ
พอนิคมถอดแว่นกันแดดสีดำและหมวกออกผมเลยเห็นหน้าตาที่แท้จริงของมัน นิคมเป็นตำรวจหน้าตาดีคมเข้มหุ่นเฟิร์มสูงพอๆ กับไอ้สู้ ( อายุเท่าผม ....มั้ง )
ผมกับดาบสุรเดชคุยกันอยู่นานท่ามกลางเสียงปืนและระเบิดจากการซ้อมรบที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลก่อนที่ดาบสุรเดชจะขอตัวกลับก่อน
ดาบสุรเดช - "เอาไว้คุยกันวันหลังดีกว่าว่ะ เด๋วดาบต้องไปธุระเรื่องลูกอีก .....เออ ขอเบอร์เอ็งหน่อยดิ๊ เด๋วพรุ่งนี้เราไปก๊งกัน"
นิคม - "แล้วเจอกันนะ .....สักวันเราคงได้ร่วมงานกัน" นิคมเอาแว่นกันแดดสีดำสะกิดไหล่ผมก่อนจะใส่มันแล้วเดินจากไปพร้อมดาบสุรเดช
วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ 2010 เวลาประมาณ 0730 pm ณ บ้านของดาบสุรเดชในจังหวัดปทุมธานี
ไอ้สู้ - "เอ้า จามเข้าไป .....ใครบ่นถึงวะ ???"
ผม - "จามอย่างนี้ .....สงสัยโดนสาปแช่งว่ะ .....ฮั๊ดชิ่วววววว !!!" ไอ้สู้ดึงกระดาษทิชชู่จากกล่องที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วส่งให้ผมหลังจากที่ผมจามอย่างต่อเนื่อง
ดาบ - "ไอ้นี่ .....ทำเป็นขี้โรคไปได้ ยังหนุ่มยังแน่นอยู่แท้ๆ" ดาบกับภรรยาถือของว่างมาให้ผมกับไอ้สู้ ผมนั่งเล่นกับลูกสาวตัวเล็กของดาบ ( อยู่อนุบาล 2 )
ส่วนไอ้สู้นั่งคุยกับดาบเรื่องการเมืองทั่วไปโดยมีภรรยาของดาบร่วมวงสนทนาด้วย ( เมียดาบแกเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งนึงใน กทม. )
นิคม - "หวัดดีคร๊าบบบบทุกคน โทษทีที่มาช้าครับ .....พอดีติดธุระนิดหน่อยน่ะ" นิคมซื้อของกินและขนมมาเพียบเมียดาบเลยลุกขึ้นรับแล้วเอาไปจัดใส่จาน
การสนทนาระหว่างผมกับนิคมเริ่มเป็นกันเองมากขึ้นเพราะนิคมเป็นคนคุยสนุกเฮฮาไม่เรื่องมากง่ายๆ สบายๆ ( ส่วนใหญ่จะคุยกันเรื่องปืน ) 
วันต่อมาผมกับนิคมมีโอกาสไปยิงปืนด้วยกันที่สนามยิงปืนแห่งนึงที่เป็นสโมสรของพวกตำรวจ ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้ผมกับนิคมสนิทสนมกันมากขึ้นกว่าเดิม
นิคม - "วันนี้อยากไปดูหนังว่ะ ....ไปป่าว ??? เด๋วกูเลี้ยง" นิคมถอดชิ้นส่วนปืนยี่ห้อ FN Browning Pro 9 ออกมาทำความสะอาดแล้วหันมาถามผม
ผม - "ก็ได้ .....แต่ต้องเลี้ยงข้าวด้วยนะเพราะมึงยิงปืนแพ้กู 555" ผมกับนิคมแข่งยิงปืนแบบ IPSC กันทั้งวัน ผลก็คือผมชนะไปอย่างขาดลอย โฮะๆๆ 
นิคม - "เออๆ แล้วจะแดกไรล่ะ ???" ผมวางหนังสือปืนแล้วนั่งคิดอยู่แปปนึงหันไปเจอเมียตำรวจคนนึงกำลังกินซูชิอยู่เลยอยากกินมั่ง
ผม - "โออิชิบุ๊ฟเฟ่ .....บอกกูเองนะะว่าจะเลี้ยง หุๆ" นิคมยืนนิ่งไปแปปนึงก่อนจะหันยิ้มแหยๆ 555
เวลาต่อมา ณ โรงหนังเมเจอร์พหลโยธิน
นิคม - "กูว่า .....ผู้ชาย 2 คนมาดูหนังด้วยกันมันดูแปลกๆ อยู่ว่ะ" นิคมยืนลังเลหน้าโรงหนังหลังจากซื้อตั๋วเสร็จเรียบร้อย
ผม - "เพิ่งรู้หรอ ? .....จะไม่ดูก็ได้นะกูไม่ซีเรียส แต่ตั๋วเค้าคงไม่รับคืน .....ห้ามลืมโออิชิกูล่ะ หุๆ"
นิคม - "เออออออ กูไม่ลืมหรอกน่าาาาา .....ปะ ดูหนังๆ" หลังจากดูหนังกันเสร็จผมกับนิคมก็ไปหาไรกินกันที่ร้านโออิชิบุ๊ฟเฟ่แห่งนึงที่อยู่ไม่ไกลจากโรงหนัง
นิคม - "ทำไมมึงมาเป็นทหารวะ ? .....กูว่ามึงดูไม่เหมือนทหารเลยสักนิดด้วยซ้ำไป"
ผม - "นั่นแหละที่กูอยากให้ใครต่อใครเค้าคิดกันว่ากูไม่ได้เป็นทหาร ......แล้วมึงว่ากูดูเหมือนอะไรวะ ?"
นิคม - "เท่าที่กูดูนะ .....มึงเหมาะที่จะเป็นตำรวจมากกว่าว่ะ .....อูยยยยยย เผ็ดชิบหาย" นิคมเอามือป้องปากหลังจากกินวาซาบิไปคำเบ้อเริ่ม
ผม - "งั้นหรอ ??? .....เชื่อมะว่ากูเกลียดตำรวจ .....โดยเฉพาะพวกที่อยู่ข้างบน .....กูหมายถึงพวกที่ไม่ได้อยู่ใต้น่ะ"
นิคม - "งั้นมึงก็เกลียดกูด้วยดิ"
ผม - "ก็ถ้ามึงเป็นพวกที่คอยรีดไถ่ชาวบ้านไม่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่คอยกลั่นแกล้งคนไม่มีทางสู้ ....กูก็คงเกลียดมึงอยู่เหมือนกันแหละ"
นิคม - "เหอะๆ โชคดีที่กูไม่อยู่ในข่ายพวกนั้นว่ะ 5555 ....แล้วพวกตำรวจที่อยู่ใต้เป็นไงกันมั่งวะ ? กูก็มีเพื่อนอยู่ที่นั่นเหมือนกันหลายคนแต่ตายห่าไปหมดละ"
ผม - "พวกที่ใต้ก็ใช่ว่าจะดีหมดทุกคนหรอกนะ .....พวกแย่ๆ กูก็เจอมาเยอะ" ผมเลยเล่าให้นิคมฟังเกี่ยวกับเรื่องของตำรวจดีและตำรวจเลวที่ 3 จชต.
นิคม - "พูดเรื่องนี้แล้วจิตตกว่ะ เลิกๆๆ ......กินต่อๆ .....มึงไม่กินนี่ใช่มะ ? เสร็จกู"
ผม - "ควยเถอะ" ขณะที่ผมกับนิคมคุยกันอย่างสนุกสนานเฮฮาก็มีเด็กผู้ชายวัยรุ่นหน้าตาดีคนนึงในชุดนักเรียนเดินเข้ามาทักนิคมที่โต๊ะด้วยอาการไม่ค่อยพอใจ
เด็กผู้ชายชายคนนั้นพูดจาออกแนวประชดและน้อยใจนิคมนิดหน่อยจนนิคมต้องพามันออกไปเคลียร์ที่ข้างนอกร้านอยู่พักใหญ่ 
เท่าที่ผมคิดนะ .....เด็กผู้ชายคนนั้นคือ "กิ๊กของนิคม" -*-a ผมคบกับนิคมด้วยความบริสุทธิ์ใจเหมือนเพื่อนร่วมสายงานคนอื่นๆ ไม่เคยคิดถึงเรื่องบนเตียง
แม้แต่น้อย ( อันนี้ผมพูดจริงๆ ) เพราะผมรู้จากดาบสุรเดชว่านิคมกำลังจะเป็นพ่อคนในเดือนเมษาที่จะถึงนี้ ถึงนิคมจะนิสัยดีหน้าตาดีหล่อเหลามาดเข้ม
โดนใจผมขนาดไหนแต่ถ้านิคมกำลังจะเป็นพ่อคนยังไงๆ ผมก็ไม่ยุ่งอย่างเด็ดขาด .....สงสารเด็กตาดำๆ ที่กำลังจะเกิดน่ะ
นิคม - "โทษทีว่ะ .....เด็กที่กูเคยไปอบรมมันน่ะ .....แม่ง .....พูดไรไม่ออกเลยว่ะ" นิคมกลับมานั่งด้วยอาการเซ็งๆ หลังจากส่งเด็กผู้ชายคนนั้นขึ้น Taxi
ผม - "ก็ไม่ต้องพูด .....กินให้อิ่มแล้วก็จ่ายตังค์ .....กลับบ้าน .....นอน"
นิคม - "กูอยากแดกเหล้าว่ะ .....กินเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ" นิคมเอ่ยปากชวนผมไปกินเหล้าที่คอนโดหลังจากนั่งกันเงียบอยู่พักใหญ่
ผม - "......ไม่เกินเที่ยงคืน" พอผมดูนาฬิกาแล้วตอบตกลงนิคมก็รีบเช็คบิลทันที
เวลาต่อมา ณ คอนโดแห่งนึงแถวหลักสี่ ชั้นที่ 17
ถึงตาผมจะมองหนังสือที่อยู่ในมือพลิกหน้าหนังสือไปเรื่อยแต่ผมกลับไม่รู้เรื่องเลยสักนิดเกี่ยวกับเนื้อหาของหนังสือเล่มนั้นจนนิคมออกมาจากห้องนอน
นิคม - "โทษที .....พอดีแม่โทรมาว่ะ" ผมพยักหน้าแล้วก้มลงดูหนังสือต่อ นิคมเดินไปหยิบเหล้าที่ซื้อมาจัดแจงชงใส่แก้วแล้วส่งให้ผม
74
นาทีต่อมา
นิคม - "มึงคงรู้แล้วใช่มะว่ากูเป็นเกย์ ???? .....พวกเกย์แม่งยิ่งว่าว่าทหารตำรวจเป็นกันเยอะๆ อยู่ด้วย .....ทำอย่างกับกูอยากเป็นแน่ะ"
นิคมชงเหล้าให้ตัวเองแบบหนาๆ แล้วกระดกเอาๆ จนเริ่มเมาพูดความในใจออกมาเรื่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องของตัวเองอีกด้านนึงที่ไม่มีใครรู้และไม่อยากให้ใครรู้
ผม - "มึงกำลังจะมีลูก .....เพราะงั้น คิดให้ดีก่อนจะทำอะไรโดยเฉพาะเรื่องของเด็กผู้ชายคนนั้น ....มึงคงไม่อยากทำให้ผู้หญิงคนนั้นเสียใจหรอกนะ " 
นิคม - "นั่นแหละที่กูเป็นห่วง แม่งยิ่งหึงเก่งอยู่ด้วย .....เหี้ยเอ๊ยยยยย" นิคมเอามือกุมหัวเงยหน้าพิงโซฟา
ผม - "นี่แหละน้าาาาาาา ผลของการไม่ดูให้ดีก่อนจะคบใคร ....ยิ่งเป็นพวกนี้ด้วยปัญหายิ่งเยอะ ....มันคงจะปล่อยพวกคนในเครื่องแบบง่ายๆ หรอกนะ"
นิคม - ".....ทำไมมึงรู้เรื่องแบบนี้มากจังวะ ???? .....หรือว่ามึง ......" ด้วยความเมาๆ มึนๆ ผมจึงหลุดปากออกไปอย่างลืมตัว
ผม - "เฮ้ออออ หลุดปากไปจนได้กู .....ไหนๆ ก็ไหนๆ ละกูจะเล่าไรเด็ดๆ ให้มึงฟังก็แล้วกัน" ผมเล่าเรื่องเดียวและดิ๊ฟให้นิคมฟังว่าผมก็มีปัญหาเหมือนกัน
ปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะตัวเองปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลที่ควรทำจนเป็นต้นเหตุให้อะไรหลายๆ อย่างแย่ลงอย่างที่ไม่ควรจะเป็น ....จนเกือบเสียน้องชายไป
ผม - "อย่างที่รู้ๆ กันว่าพูดน่ะมันง่ายกว่าทำเยอะ ....แต่กูก็พยายามอยู่นะ ....พยายามหักห้ามใจตัวเองมาตลอด"
นิคม - ".....มึงพยายามห้ามใจเรื่องกูด้วยป่าวะ ?" นิคมขยับมานั่งข้างผมแล้ววางแก้วเหล้าลงก่อนจะมองหน้าผม
ผม - "แน่นอน .....เรื่องมึงก็ด้วย" นิคมรวบตัวผมไปกอดแล้วดูดปากอย่างเร้าร้อนจนผมไม่ทันได้ตั้งตัว ผมพยายามขัดขืนทั้งดิ้นทั้งดันตัวนิคมมันออก
แต่ก็ไร้ผลเพราะตอนนี้แอลกอฮอลล์กำลังจะทำลายความตั้งใจของผมซะแล้ว ผมเริ่มเคลิ้มทันทีที่นิคมไซร้ต้นคอของผมทั้งซ้ายและขวาดังจ๊วบๆ
นิคม - "กูยังไม่ได้แต่งงานนี่หว่า .....เพราะงั้นมึงไม่ต้องกังวลไปหรอก" พอพูดเสร็จนิคมก็ดูดปากสอดลิ้นเข้ามาควานหาลิ้นผม นิคมดึงเสื้อยืดสีดำของผมและ
ของตัวเองออกก่อนจะดึงให้ผมยืนขึ้นแล้วดันตัวผมไปติดประตูกระจกแบบเลื่อนแล้วถอดกางเกงวอร์มของผมและของตัวเองออกอีกทีจนเหลือแต่กางเกงใน
ผมกับนิคมกอดจูบลูบไล้ไซร้คอดูดปากแลกลิ้นกันพัลวันในท่ายืนก่อนจะเข้าไปนัวเนียกันต่อบนเตียงในห้องที่เปิดแอร์ไว้เย็นเจี๊ยบ ( ตั้ง 20 องศาแน่ะ >< )
นิคมขึ้นทับตัวผมแล้วดูดปากแลกลิ้นไซร้คอผมอย่างหื่นกระหายพลางขยับเอวกดช่วงล่างของร่างกายถูไถไปมาเป็นจังหวะๆ ครางในลำคออู้อี้ๆ
ผมรู้สึกถึงลำท่อนแข็งๆ ของนิคมที่กำลังถูไถไปมาตรงเป้าและหว่างขาของผมไปมาจนเกิดเมือกซึมออกมานิดๆ ตรงกางเกงในของนิคม
นิคมไซร้ต่ำลงไปเรื่อยๆ จนถึงแผงอกและหน้าท้องของผมแล้วดูดเม้มละเลงลิ้นอย่างบ้าคลั่งจนทั่วทำเอาผมเสียวจนต้องขยับตัวหนีแต่นิคมล็อคตัวผมเอาไว้
ผม - "คม .....เบาๆ .....เด๋วเป็นรอย ......ซี๊ดดดดดด" นิคมลดความดุเดือดของปากตัวเองที่กำลังดูดเม้มหน้าท้องของผมอย่างรุนแรงมาเป็นแบบซอร์ฟๆ ก่อนจะ
ดึงกางเกงในผมลงไปไว้ที่เข่าแล้วอ้าปากอมรูดดูดลำท่อน .357 ของผมอยู่สักพักแล้วหันไปถอดกางเกงในของตัวเองออกบ้าง
ลำท่อนของนิคมมีขนาดใหญ่และยาวมาก ( คงสัก 7" กว่าๆ ) หัวบานร่าเป็นสีคล้ำตลอดทั้งลำส่วนที่โคนลำท่อนก็มีพงขนเพชรขึ้นมืดครึ้มไปหมด
นิคมไม่รอช้าทันทีที่ถอดกางเกงในสีขาวของตัวเองเสร็จก็ขยับตัวนอนลงข้างผมในท่ากลับหัวกลับหางหรือเรียกอีกอย่างนึงว่า "ท่า 69"
ลำท่อนของนิคมขยายคับปากผมมากแถมนิคมยังขยับเอวเข้าออกใส่ปากผมอย่างต่อเนื่องจนทำให้ผมเมื่อยปากต้องคายลำท่อนของนิคมออกมาเป็นพักๆ
ผมเองก็ไม่ยอมน้อยหน้าเลยกระเด้าเอวเข้าออกใส่ปากของนิคมรัวๆ จนนิคมต้องคาย .357 ของผมออกมาแล้วใช้มือชักให้แทน
ผมกับนิคมอยู่ในท่า 69 กันอยู่นานก็ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นคร่อมไซร้คอดูดปากแลกลิ้นกันต่ออีกพักก่อนที่นิคมจะเอื้อมมือไปหยิบถุงยางขนาด 52 มม. บนหัวเตียง
นิคม - "มึงจะเป็นผู้ชายคนสุดท้ายที่กูจะมีไรด้วย .....กูขอนะ" ผมยังไม่ทันตอบหรือตกลงอะไรนิคมก็ใส่ถุงยางให้ตัวเองอย่างรวดเร็วก่อนจะจับขาผมพาดบ่า
ทั้งสองข้างแล้วหยิบเจลหล่อลื่นออกมาชะโลมทาทั้งลำท่อนของตัวเองและร่องก้นของผมจนทั่ว นิคมขยับตัวให้เข้าใกล้ที่หมายอีกครั้งแล้วบรรจงยัดเข้ามา
ผมพยายามขยับตัวลุกหนีแต่ด้วยความเมาและนิคมก็สูงใหญ่กว่าผมพอสมควร จึงลำบากถ้าจะทำอะไรแต่ผมก็ไม่ละความพยายามที่จะประคองสติขัดขืนต่อ
กิ๊งก่อง ......กิ๊งก่อง .....กิ๊งก่องๆๆๆๆ
เสียงออดประตูของห้องนิคมดังขึ้นถี่ๆ หลังจากที่กดอยู่นานแล้วยังไม่มีใครไปเปิดให้ นิคมถอนหายใจอย่างเสียอารมณ์ที่มีคนมาขัดจังหวะแต่ผมน่ะดีใจมาก ><
เพราะลำท่อนหัวบานขนาดใหญ่ของนิคมที่มีขนาดไม่ต่ำกว่า 7.5" พยายามจะแหวกเข้ามาในร่างกายของผมอย่างดุดันผมจึงเจ็บแบบสุดๆ จนน้ำตาคลอเบ้า
นิคมนุ่งผ้าขนหนูแล้วออกไปดูว่าใครมากดออดแต่แล้วเสียงของเด็กผู้ชายคนเดิมที่เคยเจอในร้านโออิชิก็ตะโกนว่านิคมต่างๆ นาๆ ออกแนวน้อยใจลั่นห้อง
ผมเลยลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าแล้วออกไปยืนรับลมตรงระเบียงของห้องนอน
??? - "
นี่ไง !!! ไหนพี่บอกว่าไม่ได้อยู่กับใครไง ??? แล้วนั่นใคร ???" เด็กผู้ชายคนนั้นเลื่อนกระจกห้องนอนเข้ามาแล้วตะโกนถามนิคมอย่างใส่อารมณ์
ผม - "หวัดดีรูปหล่อ ....พี่เป็นเพื่อนของคมมันน่ะ ไม่ใช่แฟน ไม่ใช่กิ๊ก หรืออะไรๆ ที่เอ็งคิดหรอกนะ"
??? - "
แล้วตะกี้พี่มีไรกันรึป่าวล่ะ ?"
ผม - "แน่นอน มีซิ ....กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกันเลยล่ะ ....แต่มันจะไม่เกิดขึ้นอีก พี่รับรอง"
??? - "
แล้วผมจะรู้ได้ไงว่าพี่พูดจริง ....ผมจะรู้ได้ไงว่าพี่จะไม่แอบมาหาพี่คมอีก ....ผมจะรู้ได้ไงว่าพี่ ...."
ผม - "หุบปากแล้วฟัง" ผมพูดเสียงแข็งแล้วมองหน้าเด็กหนุ่มคนนั้นด้วยความหงุดหงิดจนมันตะลึงยืนนิ่งเงียบไม่กล้าสบตาผมแม้แต่น้อย
ผม - "ดี ....เชื่องๆ อย่างนี้คมมันจะได้เลี้ยงไว้นานๆ .....คมมันกำลังจะมีลูก .....เหตุผลแค่นี้พอมะ ???"
??? - "
ไม่จริงอ่ะ .....ไม่จริงใช่มั้ยพี่คม ??? ทำไมพี่คมไม่เห็นบอกผมเลยอ่ะ .....ไม่จริงใช่มั้ยพี่คม ???" เด็กหนุ่มร้องไห้ดึงแขนนิคมงอแงอย่างกับเด็กก่อนจะวิ่ง
ออกไปข้างนอกทั้งน้ำตา ทำเอาผมกับนิคมยืนงงกันไปไก่ตาแตก -*-a ผมจึงออกไปใส่เสื้อวอร์มและรองเท้าผ้าใบที่หน้าประตูห้อง
ผม - "กูจะกลับละ ....ขอบใจมากสำหรับเหล้า ....ขอให้มีความสุขกับครอบครัวที่มึงกำลังจะเป็นผู้นำ กูเชื่อว่ามึงจะเป็นพ่อที่ดี .....โชคดีนะ"
เวลาต่อมา ณ ปั้มน้ำมันแห่งนึงแถวรัตนาธิเบศน์
เสียงเพลงจากเครื่องเล่น MP-3 ในรถของผมเล่นเพลง "อยากเป็นคนรัก ไม่อยากเป็นชู้" ของตั๊กแตน ชลดา ทำให้ผมนั่งเท้าคางพิงหน้าต่างประตูรถมองดู
ครอบครัวครอบครัวหนึ่งที่พ่อแม่ลูกกำลังเล่นกันอย่างมีความสุขในรถขณะเติมน้ำมันอย่างเหม่อลอย ผมคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยถึงอนาคตของตัวเอง
ตอนเป็นหัวหน้าครอบครัวแล้วมีลูกตัวเล็กๆ วิ่งไปวิ่งมาอยู่ในบ้านก็อดตลกไม่ได้ที่ต้องมานั่งบ่นยืนบ่นจนปากเปียกปากแฉะอย่างกับคนแก่ 5555
??? - "
พี่ครับ ....พี่ครับ" เด็กปั้มรูปหล่อหน้าตาคมเข้มอายุไม่น่าจะเกิน 20 สะกิดแขนผมให้จ่ายเงินหลังจากมันเติมน้ำมันให้เสร็จ ( ตอนเติมเป็นผู้หญิงนี่หว่า )
ตอนนั้นผมคิดว่าจะชวนไอ้หนุ่มรูปหล่อนี่ไปกินเหล้าหลังเลิกงานตอนตีหนึ่ง ( เห็นเพื่อนมันคุยกัน ....หูเสือกดีอีกกู ) แล้วให้มันช่วยแก้ไขอารมณ์ที่ค้างเติ้ง
จากนิคมสักหน่อย ( เลว 555 ) ผมคิดว่าถ้าผมมีไรกับไอ้หนุ่มรูปหล่อนี่ผมยังรู้สึกสบายใจกว่าที่จะมีไรกับนิคมที่กำลังจะเป็นพ่อคนซะอีก
ขณะที่ผมกำลังจะออกปากชวนไอ้หนุ่มเด็กปั้มรูปงามคนนั้นไปกินเหล้าไอ้เดียวก็โทรมาบอกว่ารออยู่หน้าบ้านผมแล้ว ( ดีเลยเหมาะเลย 555 )
เวลาต่อมา ณ บ้านผม
ผม - "ถ้าจำไม่ผิด .....วันนี้วันเกิดเอ็งนี่หว่าไอ้เผือก .....ใช่มะ ???" ผมเพิ่งนึกอะไรบางอย่างออกขณะนั่งกินข้าวกับไอ้เดียวอยู่ในครัว
ไอ้เดียว - "เหอะๆ นึกว่าจะจำไม่ได้ซะแล้ว"
ผม - "เพิ่งนึกออกตะกี้เองแหละ 555 .....กินเค้กมะ ? เด๋วพี่ไปซื้อให้"
ไอ้เดียว - "ผมรู้ว่าพี่ต้องยุ่งจนลืมวันเกิดผมแน่ๆ ....แล้วก็ลืมจริงๆ ด้วยแหละ .....ผมเลยซื้อมาละ"
ผม - "แหะๆ ไม่เถียงๆ .....แล้ว .....ที่บ้านรู้รึป่าวว่ามานี่ ???" 
ไอ้เดียว - "ผมบอกแม่แล้วว่ามาหาพี่ ......แต่ไอ้ดิ๊ฟกับไอ้ดิวยังไม่รู้ว่าผมมาหาพี่ .....พรุ่งนี้ค่อยบอกมัน .....เด๋วกินไม่อิ่ม 555"
ผม - "ใช่ๆ เด๋วมันมาแย่งเค้กเรา 555" 
ผมกับไอ้เดียวฉลองกันแค่ 2 คนก่อนจะออกไปจุดไฟเย็นเล่นกันตรงหน้าบ้านตอนตี 0124 am ซึ่งเป็นเวลาเกิดของไอ้เดียวพอดี
ไอ้เดียว - "คนเรานี่ก็แปลกเนาะพี่ ....รู้ว่าเป็นไฟแต่ก็ยังไปเล่นกับมันอีก" ไอ้เดียวพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบพลางเอามือเล่นไฟเย็น
ผม - "ที่เอ็งเล่นอยู่น่ะเป็นไฟเย็น ....มันเล่นได้ .....แต่ไฟบางอย่างเอ็งเล่นไม่ได้ หนำซ้ำควรอยู่ห่างๆ มันเอาไว้จะดีกว่า"
ไอ้เดียว - "ถ้าจะให้เปรียบ .....พี่เป็นไฟเย็นหรือไฟร้อนหว่า ???"
ผม - "นั่นซิ ....พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ....เอ็งช่วยบอกพี่ทีดิ"
ไอ้เดียว - "ผมว่าพี่เป็นไฟเย็นนะ .....ถึงจะรู้ว่าเป็นไฟแต่ทุกคนก็ยังสามารถจับต้องได้โดยที่ไม่รู้สึกร้อน แถมให้ความสนุกกับทุกคนได้อีกต่างหาก"
ผม - "นี่เอ็งเห็นพี่เป็นคนดีขนาดนั้นเลยหรือวะ ??? 5555 ......พี่น่ะไฟร้อนของแท้แน่นอนเฟ๊ย !!!" ผมกอดคอแล้วดึงแก้มบี้จมูกของไอ้เดียวจนมันหัวเราะ
ไอ้เดียว - "5555 ใช่ๆๆ ผมว่าพี่เป็นไฟร้อนมากกว่า 5555"
ผม - "แล้วอยากรู้มั้ยล่ะว่าร้อนขนาดไหน ?" 
ไม่ถึง 3 นาทีต่อมา ณ ห้องนอนผม
ผมยืนกอดจูบลูบไล้ไซร้คอดูดปากแลกลิ้นกับไอ้เดียวอย่างดูดดื่มที่ประตูห้องก่อนจะกดล็อคแล้วต่างคนต่างก็ถอดเสื้อผ้าให้กันจนเหลือแต่กางเกงใน
ผมเอามือจับก้นทั้งสองข้างของไอ้เดียวแล้วอุ้มขึ้นจนลอยไอ้เดียวเลยเอาขาทั้งสองข้างรัดเอวผมไว้แน่นแล้วดูดปากแลกลิ้นมือไม้ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของผม 
ผมยกตัวไอ้เดียวไปวางไว้บนโต๊ะหนังสือแล้วก้มตัวลงไปไซร้คอทั้งซ้ายและขวาอย่างเมามันส์ดังจ๊วบๆ ก่อนจะเลื่อนปากลากลิ้นลงไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าอก
แล้วผมก็ดูดเม้มละเลงลิ้นตรงหัวนมของไอ้เดียวทั้งสองข้างดังจ๊วบๆ จนมันครางซี๊ดเกร็งตัวแอ่นหน้าอกกดหัวผมแน่นจนผมหายใจไม่ค่อยถนัด
ผมเลยดูดแรงๆ เน้นๆ จนหน้าอกทั้งสองข้างของไอ้เดียวเป็นรอยจ้ำๆ สีแดงสีม่วงตัดกับผิวสีขาวบริเวณหน้าอกของมันเต็มไปหมด 
(
ถ้าใครเคยเห็นรูปไอ้เดียวใน hi5 ของผมก็จะรู้ว่ามันขาวขนาดไหน )
ไอ้เดียว - "ซี๊ดดดดด พอแล้วพี่ ......แดงไปหมดแล้ว ......อื้ออออ ......พอก่อน" ไอ้เดียวบิดตัวหนีแล้วเอามือดันหัวผมออก ผมเลยดึงตัวมันลุกขึ้นนั่งแล้วดูดปาก
ไอ้เดียวเอื้อมมือมาลูบไล้เค้นคลึงบีบกำลำท่อน .357 ของผมที่กำลังแข็งโด่ตื่นตัวอย่างเต็มที่นูนเป็นลำอยู่ในกางเกงใน Rosso สีน้ำเงินจนผมเสียว
ผมเอามือล้วงเข้าไปกำลำท่อนสีขาวนวลของไอ้เดียวที่ซ่อนตัวอยู่ในกางเกงในสีดำอย่างเต็มไม้เต็มมือแล้วล้วงเข้าไปคลึงพวงไข่ของมันที่หมกอยู่ใต้ลำท่อน
ไอ้เดียวยกก้นขึ้นสูงอย่างอัตโนมัติเพื่อให้ผมล้วงเข้าไปได้อย่างถนัดๆ ผมเลยเอนตัวมันให้ลงไปนอนบนโต๊ะหนังสือต่อแล้วดึงกางเกงในสีดำของมันออกไป
ไอ้เดียวนอนอ้าขาลำท่อนสีขาวที่ไม่ค่อยคล้ำ ( ผมชอบเรียกมันว่า "ไอ้สีนวล" 555 ) ของมันแข็งโด่ชี้ขึ้นไปบนเพดานห้องในมุม 45 องศาอย่างสวยงาม
ผมเข้าไปยกขาของไอ้เดียวตั้งขึ้นทั้งสองข้างแล้วซุกหน้าดอมดมดูดเม้มลำท่อนกับพวงไข่ของไอ้เดียวจนทั่ว ไอ้เดียวเกร็งขาแอ่นเอวครางอื้ออ้าในลำคอผมเลย
อ้าปากอมรูดดูดลำท่อนของไอ้เดียวทันทีอย่างเน้นๆ แล้วเอานิ้วกลางข้างขวาค่อยๆ สอดเข้าไปในรูของไอ้เดียวอย่างช้าๆ ด้วยความฟืดฟิตจนเกือบมิดนิ้วกลาง
ไอ้เดียว - "โอ๊ย !!! เบาๆ พี่ ....เจ็บ ซี๊ดดดด ....ฮ่ะๆๆ อย่าเลียตรงนั้น ....จั๊กจี๋ 555" ผมถอนนิ้วกลางข้างขวาออกแล้วดูดเลียละเลงลิ้นตรงหว่างขาข้างพวงไข่
ของไอ้เดียวจนมันขำขยับช่วงล่างดิ้นหนีลิ้นผมพล่านๆ อยู่บนโต๊ะหนังสือ
ผม - "ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่หรอ ??? .....ต้องโดนอย่างนี้" ผมล็อคตัวไอ้เดียวไว้แล้วก้มลงไปดูดไซร้ไล่ลิ้นตรงหน้ท้องของไอ้เดียวอย่างบ้าคลั่ง
ไอ้เดียว - "โอ๊ย พี่ .....อย่า !!! .....อ้าาาาาาา ....อะ ....อะ อู๊ววววว ......ซี๊ดดดดด พอก่อนพี่ .....อ้าาาาาาา ผม .....ผมหายใจไม่ทัน"
ไอ้เดียวเกร็งตัวเกร็งขาจนกล้ามหน้าท้องขึ้นพลางจับแขนจับหัวผมแน่นแล้วครางซี๊ดซ๊าดพูดเสียงสั่นหายใจเหนื่อยหอบแห่กๆ 
ไอ้เดียว - "อย่าให้ผมได้งับหูพี่มั่งนะ .....จะกัดให้จมเขี้ยวเลย"
ผม - "ข่มขู่เจ้าหน้าที่หรอ ??? .....โดน !!!" ผมก้มลงไปไซร้หน้าท้องของไอ้เดียวอีกรอบจนมันร้องลั่นดิ้นหนีอย่างสุดชีวิต
ผมเลื่อนปากขึ้นไปดูดปากแลกลิ้นกับไอ้เดียวอย่างเคลิบเคลิ้มก่อนจะเดินไปหยิบเจลหล่อลื่นแล้วทาจนทั่วทั้ง .357 ของผมและร่องก้นของไอ้เดียว
ผมค่อยๆ บรรจงยัด .357 ของตัวเองเข้ารูของไอ้เดียวอย่างช้าๆ ผมจับขาซ้ายของไอ้เดียวยกขึ้นสูงแล้วดันขาขวาไปอยู่ตรงหน้าท้องของมันขณะออกแรงดัน
ไอ้เดียวร้องอึ๊ๆ นอนแหงนหน้าหลับตากัดฟันเกร็งตัวขมิบรูตอดรัด .357 ของผมเป็นพักๆ เมื่อ .357 ของผมเข้าจนสุดลำกล้องผมก็ยกขาทั้งสองข้างของไอ้เดียว
ขึ้นสูงแล้วซอยเอวแบบช้าๆ อย่างเน้นๆ ก่อนจะเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ดังตับๆๆ ภาพที่ผมเห็นคือไอ้เดียวนอนหลับตาคิ้วขมวดอ้าปากร้องอ้าครางซี๊ดซ๊าดเล็กๆ
เกร็งไปหมดทั้งตัวอยู่บนโต๊ะหนังสือทำให้ผมเกิดอารมณ์มากกว่าเดิมเลยเร่งจังหวะให้รุนแรงและเร็วมากขึ้นไปอีกจนไอ้เดียวร้องเสียงหลงด้วยความเสียว
ไอ้เดียว - "อ้าๆๆ ....ซี๊ดดดดด .....ช้าๆ หน่อยพี่ ....ไม่ไหวแล้ว .....ซี๊ดดดดด เสียว ....อื้อ ....อื้อ" ไอ้เดียวครางกระเส่าพูดไม่เป็นภาษาหลังจากที่ผมจับขาทั้งสอง
ของมันพาดบ่าแล้วยืนโน้มตัวไปข้างหน้าก่อนจะเร่งจังหวะในการกระแทกให้เร็วขึ้นแรงขึ้นจนเสียงเนื้อกระทบเนื้อและเสียงร้องครางของผมกับไอ้เดียว
ดังระงมกันอยู่ในห้องอย่างได้อารมณ์  ผมเปลี่ยนให้ไอ้เดียวยืนหันหลังให้แล้วก้มโค้งเอามือเอาศอกลงไปเท้าโต๊ะในท่าก้มเก็บสบู่หลังจากเอาในท่าแรกอยู่นาน
ผมสอดใส่ .357 เข้ารูของไอ้เดียวด้วยความเสียวเพราะไอ้เดียวมันเล่นขมิบรูตอดรัดขณะสอดใส่อย่างถี่ยิบจนผมเผลอครางซี๊ดร้องอ้าออกมา
ผม - "ซี๊ดดดดดด .....เสียวว่ะ .....อ้าาาาาาา .....หลังไปโดนไรมาเนี่ย ???" ผมเห็นรอยช้ำๆ กลางหลังไอ้เดียวเลยถามมันด้วยความเป็นห่วง
ไอ้เดียว - "รถล้มไปกระแทกหลักกิโลน่ะพี่ .....ยังเป็นรอยอยู่หรอ ?"
ผม - "อือ นานยังวะ ?"
ไอ้เดียว - "เมื่อตอนต้นเดือนล่ะมั้ง" ผมก้มลงไปจูบรอยช้ำกลางหลังไอ้เดียวแล้วอวยพรให้มันหายไวๆ 
ผมรู้ว่าไอ้เดียวโกหกเพราะรอยช้ำอย่างนี้ผมเห็นอยู่บ่อยๆ ตอนปฏิบัติงาน ผมว่าไอ้เดียวคงไปตีกับใครมามากกว่าแต่มันกลัวผมจะบ่นมันอีก มันเลยโกหกผม
ผมเร่งจังหวะในท่าก้มเก็บสบู่อยู่เกือบ 10 นาทีก็เสร็จคารูของไอ้เดียวในที่สุด ผมดึง .357 ของตัวเองออกจากรูของไอ้เดียวดังบ๊อกแล้วดูดปากลากมันไปที่เตียง
ผม - "ไม่รู้จะให้ไรเป็นของขวัญวันเกิด .....ให้นี่ก็แล้วกัน" ผมจับมือไอ้เดียวไปวางไว้ที่สะโพกของตัวเองแล้วก้มลงไปดูดไซร้ไล่ลิ้นตรงคอของมันต่อ
ไอ้เดียว - "จริงดิพี่ ??? พี่จะให้ผมจริงๆ อ่ะ ???" พอผมบอกอือปุ๊บไอ้เดียวก็พลิกตัวขึ้นคร่อมผมทันทีแล้วระดมจูบลูบไล้ไซร้ละเลงลิ้นไปทั่วแผงอกของผม
ก่อนจะเลื่อนต่ำลงไปไซร้ที่หน้าท้องแปปนึงก่อนจะพลิกผมให้นอนคว่ำหน้า ไอ้เดียวหยิบเจลหล่อลื่นมาทาลำท่อนของตัวเองแล้วทาร่องก้นผมจนทั่ว
ไอ้เดียวยกก้นผมขึ้นสูงแล้วยัดลำท่อนของตัวเองเข้ามาในร่างกายผมอย่างช้าๆ ผมหลับตากัดฟันทนต่อความแน่นและความเจ็บที่กำลังจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เพราะไอ้เดียวเริ่มเร่งจังหวะเอวเข้าออกเร็วขึ้นๆ ขณะบรรจงสอดใส่ลำท่อนของมันให้เข้ามาในร่างกายผม เมื่อลำท่อนของไอ้เดียวเข้ามาจนสุดความยาว
ไอ้เดียวก็เริ่มซอยเอวเร็วขึ้นตามลำดับจนเนื้อกระทบกันดังตับๆๆ ครั้งนึงผมเคยโดนไอ้เดียวเล่นมาแล้วจึงรู้ซึ้งถึงความามารถของมันที่มากล้นจนผมเข็ด ><
เพราะแต่ละครั้งที่ไอ้เดียวกระแทกมันทั้งแรงทั้งหนักและแน่นบวกกับความเร็วของเอวมันทำให้ผมก้มหน้ากัดฟันจนหัวติดหมอนครางออกมาเรื่อยๆ
ไอ้เดียว - "ซี๊ดดดดดดด สุดยอดเลยพี่ ......โคตรเสียวเลย ......อ้าาาาาาาาา" ไอ้เดียวครางซี๊ดซ๊าดกระแทกไม่ยั้งก่อนจะเปลี่ยนให้ผมนอนหงายในท่าเบสิก
ไอ้เดียวเอาหมอนมาหนุนสะโพกให้สูงขึ้นแล้วส่งเจ้าสีนวลของมันเข้ามาในร่างกายผมอีกรอบก่อนจะซอยเอวถี่ยิบ
ผม - "เดียวเว๊ย .....เบาๆ .....เสียวว่ะ" ผมเกร็งเสียวจนหายใจไม่ค่อยถนัดเลยเอามือดันตัวมันไว้ให้ซอร์ฟๆ ลง ไอ้เดียวยิ้มแล้วเม้มปากก่อนจะเปลี่ยนให้ผมขึ้นให้
ไอ้เดียวนั่งเอนตัวไปข้างหลังแล้วให้ผมอยู่ข้างบนทำแทนบ้าง ผมกับไอ้เดียวดูดปากแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่มส่วนข้างล่างก็เมามันส์กับการเสียดสีของอวัยวะจน
ต่างคนต่างครางอื้อร้องอ้าสูดปากซี๊ดซ๊าดกอดกันแน่น ไอ้เดียวเริ่มเกร็งตัวแอ่นลำท่อนสวนขึ้นมาบ่อยขึ้นผมเลยเร่งจังหวะให้เร็วกว่าเดิมทำให้ไอ้เดียวครางซี๊ด
ออกมายาวๆ ก่อนจะเอนตัวลงไปนอนหงายเกร็งจนซี่โครงและหน้าท้องขึ้นมาเป็นลอนๆ ไอ้เดียวรั้งเอวผมแน่นกดให้กระแทกลงไปแรงๆ สวนกับจังหวะ
การเด้งเอวของมันที่ขยับขึ้นมาอย่างถี่ยิบ ไม่นานไอ้เดียวก็หลับตาปี๋หน้านิ่วคิ้มขมวดครางออกมาเสียงดังลั่นห้องก่อนจะถึงจุดสุดยอด
ไอ้เดียว - "ซี๊ดดดดดด อ๊าาาาาาาา ไม่ไหวแล้วพี่ ......จะแตกแล้ว .....อ้าาาาาาาา" ไอ้เดียวเอนหลังลงไปนอนหายใจแรงๆ ฟืดฟาดๆ จนตัวโยน
ผมกับไอ้เดียวไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวแล้วกลับมานอนกอดกันกลมดิ๊กยันสว่าง
วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2010 เวลาประมาณ 0530 pm ณ ท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิ
ไอ้ดิ๊ฟ - "ถ้ามีเรือดำน้ำไปเชียงใหม่นะกูจะนั่งแม่งไปคอยดู"
ไอ้โน๊ต - "ไอ้เหี้ยนี่ก็พูดไม่คิด .....โชคดีเว๊ยเดียว" ไอ้โน๊ตหันไปเบิ๊ดกบาลไอ้ดิ๊ฟทีนึงก่อนจะหันไปคุยกับไอ้เดียว
ไอ้เดียว - "โอเคๆ .....พี่น็อตหวัดดี พี่ดิวพี่นิวหวัดดี ....ไปละไอ้ดิ๊ฟไอ้โน๊ตเจอกันสงกรานต์นะเว๊ย" ไอ้เดียวยกมือไหว้ร่ำลาทุกคนก่อนจะขึ้นเครื่องกลับบ้าน
ไอ้ดิ๊ฟ - "เออ พี่ .....ไอ้เดียวมันลืมซองนี่นี่นา .....ไอ้เดียว !!! เด๋วโว๊ย !!!" ไอ้ดิ๊ฟตะโกนเรียกไอ้เดียวที่กำลังจะเข้าประตูเพื่อขึ้นเครื่อง
ผม - "ฮื่อ ไม่ต้อง .....มันไม่ได้ลืมหรอก พี่ว่ามันอยากให้เอ็งมากกว่า .....ไม่เชื่อก็ลองเปิดดูดิ ถ้าเดาไม่ผิดนะ มันคือ .....ไม่บอกดีกว่า 5555"
ไอ้ดิ๊ฟทำหน้างงแล้วเปิดซองสีขาวที่ไอ้เดียวฝากมันไว้แล้วแกล้งลืมออกมาดูก่อนจะยิ้มจนหน้าแดงเป็นลูกตำลึง 
ไอ้ดิ๊ฟ - "ไอ้เดียว !!! ถ้าสงกรานต์มึงไม่มากูจะไปลากคอมึงถึงบ้านแน่ .....ได้ยินป่าว ???" ไอ้ดิ๊ฟยิ้มส่ายหน้าแล้วตะโกนบอกไอ้เดียวจนสุดเสียง
ไอ้เดียวหันมายิ้มชูนิ้วโอเคก่อนจะขึ้นเครื่องไป ผมไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไรว่ามีอะไรอยู่ในซองสีขาวนั่น แต่ถ้าผมเดาไม่ผิดซึ่งไม่น่าจะผิด
ของที่อยู่ในซองสีขาวนั่นก็คือ "รูปถ่ายใบเก่าๆ ที่ไหม้ไฟในสมัยเด็กของไอ้ดิ๊ฟ,ไอ้ดิวและไอ้เดียวที่ยืนกอดคอกันริมแม่น้ำ" 
รูปนี้ไอ้เดียวเล่าให้ฟังว่าไอ้ดิ๊ฟมันอยากได้มากขอมาตั้งกะเล็กยันโตแต่ไอ้เดียวไม่ให้เพราะมันมีแค่ใบเดียวแถมยังหวงเอามากๆ ซะด้วย -*-a
ไอ้ดิว - "แม่เจ้า !!! นึกว่าไหม้ไฟไปแล้วนะนั่น" ไอ้ดิวเดินมาดูด้วยความสงสัยว่ามันคือรูปอะไรถึงกับอุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นรูป
ไอ้ดิ๊ฟ - "ตอน ป.5 บ้านไม้ที่พวกผมช่วยกันสร้างโดนไฟไหม้ ....ไอ้เดียวแม่งโดดเข้าไปเอารูปนี้ออกมาทั้งๆ ที่บ้านกำลังจะพัง"
ไอ้ดิว - "หลังจากนั้นมันก็โดนพ่อมันหวดซะไข้แดกเข้าโรงบาล" ไอ้ดิวกับไอ้ดิ๊ฟยืนดูรูปหลายใบที่พวกมันกับไอ้เดียวสร้างวีระกรรมกันไว้ในวัยเด็กทำให้
ผมคิดถึงอดีตของตัวเองในวัยเด็กบ้าง
********************************************

BY :  XIII Post : 2010-05-02

No comments:

Post a Comment