Saturday, 15 January 2011

บทที่ 43 " ถ่านไฟเก่า "

ย้อนไปเมื่อหลายวันก่อนช่วงปลายเดือนตุลาคม 2009 .........
วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม 2009 เวลาประมาณ 0830 pm ณ คลังอาวุธยุทโธปกรณ์ของทหารเรือแห่งนึงใน 3 จังหวัดชายแดนใต้
ผม - "โทษทีที่ทำให้พี่เดือดร้อนไปด้วย"
พี่เอ - "ช่างเถอะ ไอ้นี่มันไม่ว่าไรหรอก .....ใช่มะ ?" พี่เอหันไปกอดคอชายหนุ่ม นย. คนนึงอย่างสนิทสนม ชื่อ "พี่เลิศ" เป็นเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายเรือกับพี่เอ
พี่เลิศ - "เลือกใช้ได้ตามสบายเลยไอ้น้อง ของทุกอย่างในนี้มาจากงบลับของ ทร. ไม่มีการตีตรา,ประทับตราหรือลงทะเบียนในเอกสารใดๆ ทั้งสิ้น"
ไอ้สู้ - "ไม่ต่างอะไรจากของผิดกฎหมายเลยใช่มั้ยล่ะ ?" ไอ้สู้เดินเลือกปืนและอุปกรณ์ต่างๆ ใส่กระเป๋าเป้
ผม - "ของ ทบ. เราก็มีไง ไอ้งบลับน่ะ .....โชคร้ายที่พวกผมไปยืมของจากที่นั่นมาใช้ไม่ได้แล้วด้วย โดนแบนน่ะ แหะๆ"
พี่เลิศ - "จะให้ช่วยไรก็บอกแล้วกัน  ......ว่าจะไม่ถามแล้วนะว่าเกิดไรขึ้น แต่ถ้าไม่อยากบอกหรือบอกไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ....พวกมนุษย์ ว.5 ก็งี้แหละ"
พี่เอมองหน้าผมกับไอ้สู้ ผมเลยเล่าให้พี่เลิศฟังคร่าวๆ ว่ากำลังจะไปทำอะไร,เมื่อไหร่,ที่ไหน,กับใครและอย่างไร
เมื่อเช้าผมกับไอ้สู้ทำเรื่องที่ทำให้คนทั้งกรมต้นสังกัดและที่สำนักงานความมั่นคงแห่งนึงในกรุงเทพฯ ช็อคไปตามๆ กัน คือ ....."ผมกับไอ้สู้ลาออก" 5555
ผมกับไอ้สู้ส่งคืนบัตรประจำตัวทุกอย่างหรือแม้แต่กุญแจตู้เก็บของส่วนตัวก็ส่งคืนกับเจ้าหน้าที่คลังจนหมด ( มีแต่ปืนกับลูกกระสุนและอุปกรณ์บางอย่าง )
เพราะคราวนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวแทบทั้งหมดเลยไม่อยากให้หน่วยงานต้นสังกัดมีเอี่ยวด้วย
พี่เลิศ - "แต่พิกัดที่เอ็งบอก ......นี่มัน ....."
ผม - "ใช่พี่ ทะเล .....กลางอ่าวไทยเลยล่ะ"
ไอ้สู้ - "VBSS ที่เรียนมาคงได้ใช้คราวนี้แหละ" VBSS ( Visit,Board,Search and Seize ) คือ 1 ในหลักสูตรของนาวิกโยธินเกี่ยวกับการปฏิบัติการทางเรือ
พี่เลิศ - "งั้นก็ต้องใช้เรือซินะ เด๋วจะให้เด็กมันเตรียมไว้ให้" พี่เลิศเดินออกไปสั่งลูกน้องเรื่องเตรียมเรือ
เวลาต่อมา ณ อู่เรือ
พี่เอ - "แน่ใจแล้วหรอ ? ไม่เปลี่ยนใจแน่นะเรื่องแบ๊คอัพ" ผมกับไอ้สู้แบกเป้ใส่หลังแล้วโดดลงเรือ
ผม - "อือ แน่ใจ ....มีไอ้สู้ไปด้วยทั้งคนแล้วนี่นา สบายอยู่แล้วล่ะเนาะสู้เนาะ"
นิโอ๊ะ - "นึกว่าจะตกเรือเที่ยวนี้ซะแล้ว" นิโอ๊ะใส่ชุดสีดำเดินตรงมาที่เรือ
ผม - "เรือเที่ยวนี้ไม่รับคนในกองทัพนะคุณหมอ" นิโอ๊ะทำความเคารพพี่เอก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้กินหนมปัง
นิโอ๊ะ - "หรอ ? .....งั้นค่อยสบายใจหน่อย สงสัยคงจะคิดตรงกัน" นิโอ๊ะโยนเป้ลงเรือแล้วโดดตามลงมา 
เสียงมอไซต์ 4 สูบดังลั่นมาแต่ไกลก่อนจะเลี้ยวเข้ามาจอดที่อู่เรืออย่างเร็ว ตามมาติดๆ ด้วยรถ Mazda RX-7 สีดำลายแดง
พี่โก้ - "จะไปตกหมึกก็ไม่บอกกูกันมั่งเลยนะพวกมึง" พี่โก้ก็มาในชุดสีดำสะพายกระเป๋ากับคอมแบททำความเคารพพี่เอก่อนโดดลงเรือไปนั่งสูบบุหรี่กับไอ้สู้
ไอ้เล็ก - "ครูแสนฝากบอกว่า ใครไม่กลับมาอดกินเหล้าฟรีของผู้พันเชียรแน่ ....แล้วก็ฝากไอ้นี่มาด้วย"
??? - "
ได้ข่าวว่า 1 ใน 13 จงอางน้อยมีคนริอาจเป็นกบฎคิดไม่ดีต่อกองทัพหรอ ?" ผู้ชายใส่แว่นเรย์แบนด์ในชุดสีดำคนนึงเดินดูดบุหรี่ตรงมาที่เรือ
เสียงนี้ทำให้ผมดีใจมากเมื่อได้ยิน มันคือ 1 ใน 6 จาก 13 คนของจงอางน้อยที่ยังมีชีวิตอยู่ "ไอ้แม็ค" ไอ้สู้กระโดดขึ้นไปกอดคอไอ้แม็คด้วยความดีใจ
ไอ้แม็คคือคนที่เพื่อนๆ ในกลุ่มจงอางน้อยและบรรดาครูๆ ทุกคนยกย่องว่าเก่งที่สุดในรอบหลายปีที่สอนมา จนมันได้ไปอยู่กับหน่วยรบพิเศษของอังกฤษ SAS
ไอ้แม็ค - "หน้ายังเหลี่ยมเหมือนเดิมเลยนะมึง" ไอ้แม็คเดินไปจับมือนิโอ๊ะก่อนจะหันมาแควะผม
ผม - "ไม่รู้จักมารยาทในการทักทายเพื่อนเก่ามั่งเลยรึไง ......ดีใจที่ได้เจอมึงอีก" ไอ้แม็คดับบุหรี่แล้วเดินมากอดคอผม
ไอ้แม็ค - "ไม่มีไรมาก แค่อยากมาดูหน้าไอ้คนที่ทรยศเพื่อน ....ที่ทำให้รอยสักนี่ต้องด่างพร้อย" ไอ้แม็คถอดเสื้อเชิ้ตออกเผยให้เห็นกล้ามเป็นมัดๆ และแผลเป็น
ที่บ่งบอกประวัติในตัวมันว่าผ่านอะไรมาบ้าง ไอ้แม็คใส่ชุดปฏิบัติการพิเศษของ SAS แล้วดึงป้ายของหน่วยออก พี่เอยืนอึนมองพวกผมก่อนจะโดดตามลงมา
พี่เอ - "กลับมาค่อยเขียนรายงานก็ได้นี่เนาะ ....ไอ้เลิศ ฝากหน่อย" พี่เอถอดเสื้อลายพรางออกแล้วโยนให้พี่เลิศที่ยืนอยู่ข้างเรือ
พี่เลิศ - "กูว่าละ ....เอ้า ไอ้เอ รับ ......ถ้ากลับมาเด๋วกูเลี้ยงเหล้า ....ทุกคนน่ะแหละ" พี่เลิศโยนเป้ให้พี่เอก่อนจะทำมือเป็นปืนแล้วยิงใส่พี่เอ
พี่เอ - "นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของพวกเราที่แหกกฎของกองทัพกันแบบสุดๆ ขอให้ทุกคนทำใจถึงการลงโทษที่จะตามมาด้วย .....แต่ยังไงซะ เราจะไม่ทิ้งกัน"
พี่เอยื่นมือขวามาข้างหน้า ผม,ไอ้สู้,นิโอ๊ะ,พี่โก้,ไอ้แม็คและไอ้เล็ก ต่างยื่นมือออกมาประสานกันก่อนออกเรือ
2
วันต่อมา เวลาประมาณ 0530 pm ณ บ้านผมที่ จ.นนทบุรี
ผม - "ไอ้ยู อย่าาาาาาาาาาาาา" ผมตกใจสะดุ้งตื่นขึ้นมาทั้งน้ำตาจนเจ้านิ๊กที่นอนกอดผมอยู่ตกใจ
ผม - "โทษที นิ๊ก ....กลับมานานแล้วหรอ ?"
เจ้านิ๊ก - "ครับ กลับมานานแล้วล่ะ วันนี้นิ๊กไม่ได้เรียนเลยอ่ะ เตะบอลทั้งวัน เหนื่อยๆ เลยมานอนด้วย"
ผม - "ไปโรงเรียนภาษาไรไม่ได้เรียน เตะแต่บอล หึ๊" ผมยิ้มแล้วเอามือขยี้หัวเจ้านิ๊กเล่น
เจ้านิ๊ก - "ภาษา ...ติ๊ก" เจ้านิ๊กพูดแล้วแลบลิ้นปลิ้นตาผมเลยแกล้งจี้เอวจนเจ้านิ๊กดิ้นพล่านร้องลั่นห้อง สักพักผมก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
เจ้านิ๊ก - "เอ้อ ลืมเลย วันนี้วันเกิดพี่มาร์คน่ะ เด๋วไอ้มิกซ์จะให้พี่มาร์คมารับตอนทุ่มนึง พี่น็อตไปมั้ย ?"
ผม - "ไม่ล่ะ พี่ง่วงว่ะ นิ๊กไปเถอะ .....อย่าทำหน้าอย่างนั้นดิ .....เออๆ ไปก็ได้ๆ .....แต่พี่ขอนอนต่ออีกแปปนะ คร่อกกกกกก" เจ้านิ๊กเลยโดดขึ้นคร่อมผม
แล้วเอาหมอนข้างฟาดใส่ผมเป็นชุด สักแปปไอ้โน๊ตกับไอ้ดิ๊ฟก็มาเล่นเกมส์ที่บ้านผมบอกจะไปงานวันเกิดไอ้มาร์ค ( พี่ชายไอ้มิกซ์ ) ด้วย
เวลาต่อมา ณ บ้านมาร์คย่านนวมินทร์
หลังจากทักทายและให้ของขวัญวันเกิดกับไอ้มาร์คเสร็จไอ้โน๊ตกับไอ้ดิ๊ฟก็เดินจีบสาวในงาน เจ้านิ๊กนั่งเล่นอยู่กับเพื่อนๆ ที่ข้างสระน้ำ 
ส่วนผมนั่งกินเปปซี่กินขนมอยู่คนเดียวที่โต๊ะซึ่งไม่ห่างจากเจ้านิ๊กสักเท่าไร ผมนั่งนึกถึงเรื่องเมื่อ 3 วันก่อนวนไปวนมาแต่แล้วก็ต้องตกใจที่มีคนมายืนข้างๆ
ไอ้มาร์ค - "ไม่สบายหรือครับพี่น็อต ? ดูไม่ค่อยแฮปปี้เลย" เด็กหนุ่ม ม.ปลาย สูงขาวหน้าตาดีคิ้วหนาตาคมออกลูกครึ่งนิดๆ คำพูดคำจากิริยามารยาทเรียบร้อย
ตามสไตล์ลูกคุณหนูที่อบรมมาดี เดินมานั่งข้างผมพร้อมส่งจานของว่างมาให้
ผม - "ป่าว สบายดี กำลังดูพวกเด็กๆ มันเล่นกันน่ะ เพลินดี ....เห็นแล้วอยากกลับไปเป็นเด็กอีกเนอะ"
ไอ้มาร์ค - "ครับใช่ครับ ผมยังอยากเลย แหะๆ ......นี่เพื่อนผมครับ ชื่อ "เรเน่" .....Rene' this is Noth, he is Nicky's brother" ไอ้มาร์คแนะนำเพื่อนร่วมชั้นที่สนิทๆ 
จากโรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งนึงใน กทม. ให้ผมรู้จัก 4-5 คน ทุกคนล้วนหน้าตาดีกันหมดแต่ออกจะห้าวๆ เหวี่ยงๆ ทะเล้นๆ บางคนพูดไทยได้ดีแต่บางคน
ก็ได้มั่งไม่ได้มั่ง,พูดไม่ค่อยชัดหรือพูดไทยคำอังกฤษคำ ก็ตามประสาลูกครึ่งอานะ ผมเตะตาอยู่ 2 คนชื่อ "โคดี้" กับอีกคนที่ชื่อ "วินเซนต์" ผมกับวินเซนต์คุย
กันถูกคอเรื่องเกมส์ DotA และวิทยาศาสตร์ ส่วนโคดี้จะเป็นเรื่องเพลงเรื่องดนตรี นอกนั้นก็เป็นเรื่อง ญ ตามประสาเด็กหนุ่มลูกครึ่งที่รักสนุกแต่ไม่ผูกพัน 
(
เข้ากับไอ้โน๊ตและไอ้ดิ๊ฟได้ดีเลยล่ะ เหอะๆ )
เช้าวันต่อมา
วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม 2009 เวลาประมาณ 0715 am
ผมไปส่งเจ้านิ๊กที่โรงเรียนชื่อดังแห่งนึงของจังหวัดนนทบุรี ( อยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ....ทายซิโรงเรียนไรเอ่ย ? เอิ๊กๆ ) ก็เจอไอ้มาร์คมันมาส่งไอ้มิกซ์เหมือนกัน
เจ้านิ๊ก - "หวัดดีพี่มาร์ค หวัดดีมิกซ์" เจ้านิ๊กยกมือไหว้ไอ้มาร์คและทักทายไอ้มิกซ์ที่เดินซื้อข้าวซื้อน้ำมานั่งกินที่โต๊ะในโรงอาหาร
ไอ้มาร์ค - "หวัดดีครับพี่น็อต"
ผม - "อื้อ หวัดดี ไม่ต้องลุกๆ ....วันนี้ไม่ไปโรงเรียนรึไง ? ถึงมาส่งเจ้านี่ได้"
ไอ้มาร์ค - "ครับ วันนี้โดดน่ะพี่ แหะๆ" วันนี้วินเซนต์ ( เรียกสั้นๆ ว่า "วิน" ) ชวนไอ้มาร์คไปปีนหน้าผาจำลอง พอดีวินมันโทรมาไอ้มาร์คก็เลยเอ่ยปากชวนผม
เวลาต่อมา ณ Adventure Club แห่งนึงใน กทม. ( ออกแนวใจง่ายเนาะที่ตามพวกมันมาด้วย 5555 )
พอมาถึงผมก็ไม่รอช้ารีบเปลี่ยนชุดกระโดดปีนหน้าผาจำลองเลยทันทีแล้วไอ้วินก็ปีนตามขึ้นมาติดๆ ดูจากการปีนแล้วไอ้วินคงจะปีนบ่อยต่างจากไอ้มาร์ค
หลังจากที่ปีนหน้าผาจำลองกันแทบจะทุกระดับความยากก็พักกินข้าวเที่ยงกันอย่างเหน็ดเหนื่อย สักพักแฟนของไอ้มาร์คก็โทรมาให้ไปหาที่บ้านเพื่อจะได้ไป
เดินช็อปปิ้งที่พารากอน ( แฟนมันก็โดดเรียนเหมือนกัน เหอะๆ -*-a ) ส่วนผมขอตัวไม่ไปล่ะห้างเหิ้ง ไม่อยากไปเป็น กขค ชาวบ้านเค้าอานะ -*-a 
ไอ้วินเลยอาสาอยู่เป็นเพื่อน ไอ้วินปีนหน้าผาจำลองไม่ชนะผมสักทีก็เลยเบื่อ ไอ้วินเลยเสนอให้ไปฟิตหุ่นกันที่ฟิตเนสแห่งนึงซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นั่น
ความจริงฟิตเนสเป็นสถานที่ที่ผมพยายามจะหลีกเลี่ยงให้ไกลเอาไว้มากๆ ( แต่บางคนกลับระริกระรี้วิ่งเข้าใส่อานะ 555 ) แต่ไม่รู้จะไปไหนดีก็เลยตามใจมัน
เมื่อมาถึงผมก็ไม่รีรอหามุมสงบๆ ที่แสนจะปลีกวิกเวกออกกำลังกายเพียงคนเดียวโดยเริ่มจากวิ่งบนลู่วิ่ง ส่วนไอ้วินก็เล่นเวทอยู่ไม่ห่างจากผมสักเท่าไร 
ไม่นานก็มีชายหนุ่มหุ่นดีผิวขาวออกแนวตุ้งติ้งเข้ามาทัก ผมก็ได้แต่อือออใส่หูฟังก้มหน้าก้มตาวิ่งต่อจนเค้าหายไป ( แผนนี้เรียกว่า "นิ่งสงบสยบการสนทนา" )
ผมเปลี่ยนไปยกเวทก็มีคนเข้ามาทักอีก คราวนี้เป็นชายหน้าตาโหดรูปร่างสูงใหญ่ขนดกผิวสีแทนกล้ามเป็นมัดๆ ผมตกใจที่มันหันหน้ามามองผมอย่างจงใจ *.*
??? - "
เลิกแล้วหรอครับ ? น่าจะยกอีกสัก 4-5 ทีนะ ได้กำลังแขนดีออก" หมีควายตัวนั้นลุกขึ้นแล้วหันมาพูดกับผมด้วยสายตาหวานเยิ้ม ><
ผม - "อือ พอแล้วล่ะ" ขณะที่ผมกำลังซิทอัพอยู่นั้นหมีควายก็ชวนผมพูดคุยต่างๆ นาๆ จนผมต้องใช้แผนเดิมคือ "นิ่งสงบสยบการสนทนา" ....ซึ่งได้ผลเช่นเคย
ขณะที่ผมออกกำลังตามเครื่องต่างๆ ก็มีชายหนุ่ม ( เก้งกวาง ) แวะเวียนเข้ามาทักทายเรื่อยๆ 4-5 คน ทั้งออกและไม่ออก ทั้งพูดจาดีและไม่ดีปนๆ กันไป
เคสที่ทำผมฮาที่สุดก็คือ ขอมีอะไรกับผมแล้วจะแถมเงินให้อีก 400 บาท !!! ....โอ้ แม่เจ้า ฟิตเนสประเทศไทยหรือนี่ ???? 555
ครั้งนึงผมเคยคิดว่าฟิตเนสเป็นสถานที่ที่น่าสนใจสำหรับคนรักสุขภาพและชอบออกกำลังกาย ( อย่างน้อยก็มีผมคนนึงแล้วล่ะที่คิดอย่างนั้น ) แต่ตอนนี้
กลายเป็นว่าคนบางกลุ่มเอาเรื่องการออกกำลังกายมาเป็นข้ออ้างเพื่ออะไรบางอย่างไปซะแล้ว ( ได้ออกทั้งกำลังกายและเอาน้ำออกจากร่างกายว่างั้นเถอะ 555 )
ผมเริ่มกระสับส่ายมองหาไอ้วินล่อกแล่กๆ .....กูอยากกลับบ้านแย้ว T_T ผมใส่หูฟังแล้วกลับขึ้นไปวิ่งบนลู่วิ่งเพื่อฆ่าเวลาอีกสักรอบก่อนจะชวนมันกลับ
ไอ้วิน - "ไงพี่ สนุกมั้ย ?"
ผม - "สนุกกับผีไรล่ะ ? ....กลับยัง ?"
ไอ้วิน - "ปะๆ กลับก็กลับ ไปอาบน้ำกัน .....เอ ห้องซาวน่าไปทางไหนหว่า ?" ผมหูฝาดหรือเปิดเพลงเสียงดังเลยได้ยินไม่ถนัด "ไอ้วินชวนผมไปอาบน้ำ" ><
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมจะได้เข้าห้องซาวน่า ออกแนวตื่นเต้นเล็กๆ ว่าเข้าไปแล้วจะไปเจออะไรหว่า ? หรือต้องทำอะไรยังไง ? -*-a ( บ้านนอกมากเลยตู 555 )
สักพักก็มีชายหนุ่ม 2 คนตามเข้ามา อายุราวๆ 25-30 ดูจากการพูดคุยบวกกับอะไรหลายๆ อย่างแล้วน่าจะรู้จักกับไอ้วินเป็นอย่างดีแต่ ....ทำเป็นเพิ่งรู้จักกัน
ผมเริ่มไม่ชอบใจเอามากๆ ที่ 2 คนนั้นพูดจาดูหมิ่นดูแคลนทหารในเรื่องที่พวกเก้งกวางชอบพูดถึงกันบ่อยๆ ( เรื่องอะไรก็ช่างแต่ผมไม่ขอพูดในที่นี้ก็แล้วกัน )
ผมพูดได้คำเดียวว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวที่เป็นความชอบส่วนบุคคล อย่าเอาไปเกี่ยวกับกรม,กอง,ค่ายหรืออะไรที่ไหน ...."จงอย่าเหมารวม"
ผมรีบออกจากห้องซาวน่าก่อนที่จะอดใจไม่ไหวลุกขึ้นกระทืบไอ้ 2 ตัวนั่นหลังจากที่นั่งฟังมันพล่ามอยู่นานสองนาน ผมอาบน้ำใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็วใช้เวลา
ไปไม่ถึง 1 นาที ( ไม่ต่างอะไรกับตอนอยู่ร้องจงอางเลยแฮะ -*-a ) ผมขับรถออกมาอย่างรีบร้อนเพราะหัวเสียแบบสุดๆ แทบจะระเบิดออกมาซะให้ได้จนเกือบ
ชน ( หรือเฉี่ยวไปแล้วหว่า -*-a ) เด็กหนุ่มคนนึงที่กำลังเดินอ่านหนังสือจนเซล้มลงพงต้นไม้ข้างทาง ผมรีบลงไปดูทันทีว่าเป็นอะไรมากหรือป่าว
ผม - "โทษทีๆ เป็นไรมากรึป่าววะไอ้น้อง ? .....ไม่มีไรหักหรือบุบสลายนะ ? .....ขอโทษว่ะ" ผมประคองเด็กหนุ่มนั่นให้ลุกขึ้นยืน
??? - ".....
โอยยย ไม่เป็นไรครับพี่ ผมผิดเอง ผม .....อ้าว เฮ๊ย .....พี่น็อต"
ผม - "..... เนส" 
เวลาต่อมา ณ ร้านพิซซ่าของเดอะมอลล์บางกะปิ
เมื่อหลายเดือนก่อนผมเคยช่วยชีวิตเพื่อนไอ้เนสจากการจมน้ำตายในสระแห่งนึงที่ไม่ไกลจากบ้านผมมากนัก ( กาลครั้งหนึ่ง ภาค 2 [ Vol.6 ] - นักเรียนเตรียม )
ไอ้เนสกับเพื่อนตอบแทนผมด้วยการเลี้ยงพิซซ่า คราวนี้ผมเลยเลี้ยงมันมั่งจะได้เจ๊ากัน ผมกับไอ้เนสคุยกันเรื่องยิงปืนเรื่องปืนแล้วก็เรื่องสัพเพเหระของทหาร
ไอ้เนส - "พี่กับ .....เดียว ....." หลังจากพูดคุยเรื่องนู้นเรื่องนี้อยู่นาน ไอ้เนสก็วกมาเรื่องนี้ตามที่ผมคาดไว้
ผม - "ยังคุยกันอยู่ ....."
ไอ้เนส - "......หรอ ผมขอโทษที่ ....."
ผม - "ช่างมันเถอะ .....คนที่เอ็งควรจะไปขอโทษก็คือไอ้เดียว ....ไม่ใช่พี่นะ" ( กาลครั้งหนึ่ง ภาค 2 [ Vol.7 ] - กิ๊กคนแรกในชีวิตอย่างเป็นทางการ )
เวลาต่อมา ณ บ้านไอ้เนส
ตอนแรกผมกะจะไม่มาส่งมันหรอก .....แต่ทำไงได้เห็นขามันกะเผลกๆ ก็อดสงสารไม่ได้ 
ผม - "ขาที่เจ็บมั่นนวดยาบ่อยๆ เด๋วก็หาย .....โชคดี" ผมจอดรถอยู่บ้านไม่ลงไปส่งเพราะกลัวห้ามใจไม่ไหว
ไอ้เนส - "พี่น็อต .....อยู่เป็นเพื่อนผมแปปนึงดิ .....ได้มั้ย ?" 
ผม - "......10 นาที" ผมใจอ่อนกับเรื่องอย่างนี้เสมอไม่รู้เป็นอะไร เหอะๆ
ผมกับไอ้เนสนั่งดูหนังกันอยู่ข้างล่าง บางจังหวะก็สบสายตากันโดยบังเอิญก่อนจะหันกลับไปดูหนังต่อ ผมอึดอัด+งุ่นง่าน+ลังเลปนกันไปหมดไม่รู้จะทำไงดี
สุดท้ายผมก็เผลอหลับคาโซฟาไปเพราะความเหนื่อย Zzzz รู้สึกตัวอีกทีตอนไอ้เนสมาห่มผ้าให้
ผม - "ขอบใจ"
ไอ้เนส - "ไม่เป็นไรพี่ .....ผมขอ .....อยู่อย่างนี้อีกสักแปปนะ" ไอ้เนสนั่งพิงโซฟาที่ผมนอนก้มหน้าลงมาหนุนไหล่ผมทั้งน้ำตา
ผมทำไรไม่ถูกพูดไรไม่ออกได้แต่เอามือไปโอบไหล่แล้วขยี้หัวมันเบาๆ ไอ้เนสร้องไห้ซิกๆ กอดแขนจับมือผมแน่น
ผม - "เอ็งอ่อนไหวกว่าที่พี่คิดอีกนะเนี่ย .....พี่ก็ชอบเอ็งเหมือนกันแหละ แต่เสียดายที่เอ็งมาช้าไปหน่อยนึง" ผมดึงไอ้เนสขึ้นไปกอดตบหลังเบาๆ
และแล้วผมก็ทำในสิ่งที่ผมคิดว่าจะไม่ทำ ผมดึงหน้าไอ้เนสขึ้นมาจูบปากจนได้ ( เพราะถ่านไฟเก่ามันยังคุอยู่อาเด่ะ เหอะๆ )
ผมดูดปากแลกลิ้นกับไอ้เนสอยู่ที่ห้องนั่งเล่นข้างล่างแปปนึงก่อนจะเปลี่ยนทำเลขึ้นไปที่ห้องของมันแทน ไอ้เนสดูดปากแลกลิ้นกับผมอย่างดูดดื่มก่อนที่ต่าง
ฝ่ายต่างถอดเสื้อผ้าของอีกฝ่ายให้กันอย่างรวดเร็วแล้วทิ้งตัวลงบนที่นอนทั้งคู่ ผมระดมจูบดูดเม้มช่วงบนของไอ้เนสไม่ว่าจะปาก,แก้ม,คอหรือหน้าอกไปจนทั่ว
มือไอ้เนสลูบไล้ไปตามแผ่นหลังผมอย่างได้อารมณ์ ผมดูดไซร้ไล่ลิ้นหน้าอกที่มีกล้ามมากกว่าเมื่อก่อนดังจ๊วบๆ ส่วนมือขวาก็ดึงรูดคลำคลึงลำท่อน 7" ของมัน
ไอ้เนสครางในลำคออื้ออ้าแอ่นหน้าอกเกร็งขาหน้าท้องกอดเอวกดคอผมแน่น ผมดูดเม้มหน้าอกทั้งซ้ายและขวาสลับไปมาอยู่พักใหญ่จนเป็นรอยแดงไปนิดนึง
ไอ้เนสเลยพลิกตัวขึ้นคร่อมแล้วระดมจูบลูบคลำตามร่างกายช่วงบนของผมบ้าง ไอ้เนสไม่รีรอที่จะเคลื่อนปากลากลิ้นลงสู่ .357 ของผมที่แข็งโด่ชูชันพร้อมรบ
ไอ้เนสอ้าปากครอบส่วนหัว .357 แล้วดูดเลียเน้นๆ จนผมเกร็งตัวด้วยความเสียวก่อนจะอมรูดดูดลำท่อนจนสุดความยาวขยับขึ้นลงช้าๆ เนิบๆ จนชุ่มน้ำลาย
ไอ้เนสดึงตัวให้ผมไปนั่งที่ขอบเตียงแล้วตัวมันก็นั่งที่พื้นข้างเตียงก่อนจะบรรจงอมรูดดูดลำท่อนของผมอย่างเมามันส์ ผมเสียวจนเกร็งหน้าท้องเกร็งขาเด้งเอว
สวนปากไอ้เนสขึ้นไปบ้าง สักพักไอ้เนสดึงให้ผมลุกขึ้นยืนจะได้ขยับถนัดๆ ผมเลยยืนกระเด้า .357 เข้าปากไอ้เนสเพลินเลยทีนี้ ไอ้เนสทั้งอมรูดดูดลำท่อนเม้ม
ไซร้ไล่ลิ้นพวงไข่ทั่วไปหมดจนบริเวณนั้นเปียกปอนเต็มไปด้วยน้ำลาย ผมเริ่มงุ่นง่านจนถึงที่สุดเลยจับไอ้เนสนอนหงายที่ขอบเตียงส่วนผมยืนอยู่ข้างล่างแยก
ขามันออกกว้างแล้วสอดใส่ .357 ของผมเข้าไปยังรูของมันอย่างไม่รอช้า ด้วยความลื่นจากน้ำลายที่เปียกชุ่มไปทั่วทั้งลำท่อนอาจจะทำให้เข้าง่ายอยู่บ้างแต่ก็ไม่
สำเร็จ ไอ้เนสหลับตาปี๋เกร็งขาหน้าท้องร้องครางซี๊ดซ๊าดจับแขนผมแน่นบอกเจ็บ ผมพยายามอยู่พักนึงแต่ส่วนหัวก็ยังไม่เข้าสักทีจนผมเริ่มเจ็บมั่งละ -.- 
ผมก็เลยเชื่อที่มันบอกว่าตั้งแต่วันนั้นที่มันมีไรกับผม ( ไอ้เนสโดนผมเปิดซิง ) มันก็ไม่เคยมีไรกับผู้ชายคนไหนอีก ( หมายถึงแค่รับส่วนรุกไม่แน่ใจว่ะ เหอะๆ )
เมื่อมันเข้าไม่ได้สักทีไอ้เนสเลยเอื้อมมือขึ้นไปหยิบไม้ตายสุดท้ายที่อยู่ในลิ้นชักบนหัวเตียงมาใช้ "ถุงยาง" ผมยืนให้ไอ้เนสใส่ถุงยางที่ปลายเตียงก่อนจะจับมัน
นอนหงายในท่าเดิมแล้วยัด .357 ของผมเข้ารูของมันต่อ คราวนี้ง่ายกว่าครั้งที่แล้วเพราะสารหล่อลื่นจากถุงยาง ส่วนหัว .357 เข้าไปทันทีที่ผมดันเอวใส่แต่
ไอ้เนสก็ยังแสดงอาการถึงความเจ็บด้วยการนอนเกร็งดิ้นไปมาหลับตาครางซี๊ดซ๊าด ผมค่อยๆ ดันลำท่อนเข้าไปเรื่อยๆๆ จนถึงครึ่งลำแล้วเริ่มขยับเอวเข้าออกๆ
เมื่อเห็นว่าไอ้เนสไม่มีทีท่าว่าจะเจ็บเลยซอยเอวเร็วขึ้นเรื่อยๆๆ ผมเอาขาไอ้เนสพาดบ่าทั้ง 2 ข้างโน้มตัวลงไปแล้วซอยเอวแบบเน้นๆ ดังตับๆๆ สลับช้าเร็วไปมา 
จากมือที่ดันตัวผมให้ออกห่างก็เปลี่ยนเป็นรั้งเอวผมให้แน่นขึ้นๆ ไอ้เนสครางซี๊ดซ๊าดอื้ออ้าในลำคอ ผมยืนซอยเอวที่ปลายเตียงอยู่นานก็เริ่มเมื่อยเลยขยับตัวขึ้น
ไปนั่งคุกเข่าบนเตียงแล้วซอยเอวในท่าเบสิกต่อด้วยตะแคงข้าง ไอ้เนสคงอยากสนุกบ้างเลยเอนตัวผมให้นอนหงายแล้วขึ้นคร่อมลำท่อน .357 ของผมก่อนจะ
กดลงมาทีเดียวจนสุดความยาว ไอ้เนสขย่มผมแบบเน้นๆ เนิบๆ ช้าเร็วสลับไปมาอยู่นานจนผมเริ่มเสียวเกร็งขาหน้าท้อง ผมเอามือรั้งเอวมันไว้แล้วกระแทกลง
มาแบบเน้นๆ แล้วเด้งเอวสวนขึ้นไปแรงๆ ดังตับๆๆ ขณะที่ผมเด้งเอวสวนขึ้นไปอย่างเร็วผมสังเกตุเห็นควยของมันเริ่มกระตุกน้ำเมือกใสเริ่มเยิ้มปลายไหล
ออกมาเรื่อยๆ ผมเลยสาวว่าวให้จนไอ้เนสหลับตาเคลิ้มแล้วขย่มเอวลงมาเร็วขึ้นๆ ไม่ถึง 1 นาทีน้ำว่าวของไอ้เนสก็พุ่งกระฉูดออกมาอย่างมากมาย
(
จนเฉี่ยวหูซ้ายผมไปเลยแน่ะ -*- ) ผมไม่รอช้าพลิกกลับขึ้นไปในท่ายืนที่ปลายเตียงอีกครั้ง ผมประคองให้ไอ้เนสยืนอย่างทุลักทุเลเพราะมันหมดแรงหลังจาก
ที่ขย่มผมอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง ผมประกบเข้าทางด้านหลังแล้วยัด .357 ของผมเข้าไปในรูของไอ้เนสทีเดียวจนมิดด้ามแล้วกระหน่ำเอวอย่างถี่ยิบด้วยความเสียว
ไอ้เนสยืนตรงแอ่นก้นมาทางด้านหลังครางซี๊ดหายใจแรงฟืดฟาด ผมกอดเอวไอ้เนสไว้แน่นแล้วกระหน่ำถี่ยิบแบบ non stop ไอ้เนสเริ่มหมดแรงแข้งขาอ่อนยืน
ไม่อยู่เลยก้มหน้าลงไปเท้าที่ปลายเตียงจนอยู่ในท่าก้มเก็บสบู่ ผมรั้งเอวไอ้เนสเอาไว้แน่นแล้วกระหน่ำเอวถี่ยิบแบบ non stop อีกครั้ง
ผม - "เนส .....ไม่ไหวแล้วว่ะ .....อึ๊ ......จะแตกละ ......อ้า" ไอ้เนสรีบลุกขึ้นหันมาดึงถุงยางออกแล้วอมรูดดูดลำท่อนของผมทันที ผมเลยปล่อยเลยตามเลย
ผม - "ซี๊ดดดดด ......แตกละ ......อะ อ้าาาาาาาา" ไอ้เนสเก็บหมดทุกนัดทีพุ่งกระฉูดออกมาจาก .357 ของผม
ผม - "......ไอ้นี่ เล่นซะแตกคาปากเลยนะ ไปบ้วนออกเลย" ไอ้เนสเงยหน้าเม้มปากแล้วยิ้มให้ผม ผมเลยจับหัวมันแล้วตีเข่าเข้าคางไปเบาๆ ทีนึง
หลังจากที่ผมกับไอ้เนสล้างเนื้อล้างตัวในห้องน้ำใส่เสื้อผ้ากันเสร็จก็นอนดูหนังกันบนห้องอยู่พักใหญ่ ( Band of Brothers หนังดีที่ทุกคนควรหามาดู ^ ^ )
ไอ้เนสคงคึกอะไรอีกเลยหนอแหนกับลำท่อนของผมต่อจนมันแข็งขึ้นมาอีกครั้ง ผมผลัดกันเล้าโลมไปมาจนเสื้อผ้าหลุดออกไปกองที่พื้นห้องอีกครั้ง -*-a
ไอ้เนส - "ไม่ไหวแล้วพี่ ยังเจ็บอยู่เลย ....เด๋วไม่มีแรงไปเตะบอล" ไอ้เนสปฏิเสธที่จะให้ผมสอดใส่อีกครั้งแต่จะโม๊คให้แทนผมเลยไม่ว่าอะไร
ไอ้เนสดูดปากไซร้คอไซร้หน้าอกหน้าท้องจนถึง .357 แล้วอมรูดดูดลำท่อนของผมไปได้สักพักผมก็นึกสนุกอย่างโม๊คบ้างเลยลุกขึ้นดูดเม้มที่หน้าอกหน้าท้อง
ของไอ้เนสแบบเน้นๆ จนแดงเป็นจ้ำเล็กๆ ( อีกแล้ว ) ก่อนจะอมรูดดูดลำท่อนของมันบ้าง ลำท่อนขนาด 7" ของไอ้เนสดูดีสีไม่คล้ำขนไม่รุงรังไม่มีกลิ่นอับ
ผมเลยซุกไซร้ไล่ลิ้นอมรูดดูดเม้มไปจนทั่วทั้งลำท่อนและพวงไข่จนไอ้เนสครางซี๊ดมือไม้จิกผ้าปูที่นอนแน่นเกร็งหน้าท้องเกร็งเอวจนก้นลอย
ผมค่อยๆ ขยับปลายเท้าไปทางหัวของไอ้เนสเพื่อจะได้เล่นท่า 69 ซึ่งก็ไอ้เนสรู้งานดีเลยอ้าปากอมดูดลำท่อนของผมเช่นกันในท่า 69 ตะแคงข้าง 
ต่างฝ่ายต่างอมรูดดูดเม้มลำท่อนและพวงไข่ให้กันจนทั่วพลางขยับเอวใส่ปากกันผับๆ ไอ้เนสลูบไล้เค้นคลึงไปทั่วสะโพกและแก้มก้นของผมจนเสียวไปหมด
ผมเลยกระเด้าเอวเร็วขึ้นนิดนึงก่อนจะลูบไล้เค้นคลึงไปที่สะโพกและแก้มก้นของไอ้เนสมันบ้าง ทั้งสะโพกและแก้มก้นของไอ้เนสเต่งตึงและแน่นมาก
ตามประสาคนออกกำลังกาย โดยเฉพาะเวลาเกร็งด้วยความเสียวมันจะยิ่งแน่นเป็นพิเศษ สักพักไอ้เนสก็หายใจหอบแห่กๆ ครางอื้ออ้าซี๊ดซ๊าดเกร็งสั่นไปทั้งตัว
กระเด้าเอวใส่ปากผมถี่ยิบตามมาด้วยอาการควยกระตุกพร้อมกับปล่อยน้ำว่าวออกมาชุดใหญ่ที่หน้าอกของผม ไอ้เนสพลิกตัวขึ้นคร่อมผมก้มหน้าก้มตาอมรูด
ดูดลำท่อนของผมอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่นานผมก็เสียวจนทนไม่ไหวเกร็งไปหมดทั้งตัวพลางเด้งเอวสวนปากมันขึ้นไปถี่ยิบครางซี๊ดซ๊าดมือจิกหมอนไว้แน่น
แล้วก็แตกคาปากไอ้เนสไปอีกรอบ ผมนอนหมดแรงลืมตาแทบไม่ขึ้นส่วนไอ้เนสก็พยายามลากผมไปอาบน้ำล้างตัวแต่ก็ไปไม่ไหวเลยขอหลับเอาแรงแปปนึง
ผมสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาอีกทีที่ไอ้เนสเอาผ้าชุบน้ำเย็นมาเช็ดตามเนื้อตัวให้ผมจนทั่ว ผมสะลึมสะลือเบลอๆ ก่อนจะหลับไปอีกรอบอย่างไม่รู้ตัว Zzzz 
ไม่หลับก็บ้าแล้วครับ -*-a เมื่อคืนนอนไม่เต็มที่ ( ได้นอนแค่ 4 ชั่วโมง ) แถมต้องตื่นแต่เช้ามาส่งเจ้านิ๊กด้วย อีกทั้งไปปีนหน้าผาจำลองและเข้าฟิตเนสอย่างละ
เกือบ 4 ชั่วโมง แล้วมาต่อกับไอ้เนสอีก 2 ยก >< รอบนี้ผมตื่นขึ้นมาเพราะพักฟื้นเต็มอิ่มแล้ว ( ขอแค่ 1 ช.ม. ก็พอ ) ผมค่อยๆ ลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าเพราะไม่อยากกวน
ไอ้เนสที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่ข้างๆ ผม .....ผมคิดในใจว่า ...."กูนี่เลวจริง" เหอะๆ -*-a
ผม - "เนส .....พี่กลับก่อนนะ เด๋วรถแม่งติดว่ะ" ผมสะกิดไอ้เนสเบาๆ ที่กำลังซุกตัวอยู่ในผ้านวม
ไอ้เนส - ".....ครับ หวัดดีพี่" ไอ้เนสยื่นแค่มือออกมาไหว้ผมแต่ไม่โผล่หน้าออกมา ผมเลยคิดว่ามันคงร้องไห้ ....หรือป่าวหว่า ? -*-a
ผม - "เนส .....เนส .....เฮ๊ย โผล่หน้าออกมาก่อนดิ๊" ผมทั้งเรียกและสะกิดดึงผ้านวมไปมาเพื่อให้ไอ้เนสมันโผล่หน้าออกมาแต่มันก็ดึงเอาไว้แน่น
ไอ้เนส - "แฮ่!!! .....555 เพิ่งเคยเห็นพี่ตกใจนี่แหละ ก๊ากกกกก" ไอ้เนสเปิดผ้านวมใส่หน้ากากผีมาหลอกซะจนผมเองยังตกใจไปนิดนึง
ผม - "ไอ้ห่านี่ ....กวนนัก" ผมขึ้นเตียงไล่ต่อยไอ้เนสจนมันต้องกลิ้งตัวหลบลงเตียงอีกฝั่ง ไอ้เนสดึงผ้านวมที่ผมเหยียบหวังจะให้ผมล้มแต่มันคิดผิด
ผมบาลานซ์ตัวเองด้วยการเอามือซ้ายยันหัวเตียงเพื่อไม่ให้ล้มแล้วดีดตัวกระโจนใส่ไอ้เนสจนมันล้มหงายท้อง หลังจากนั้นก็ดีดหูมันแรงๆ ไป 2-3 ที
ไอ้เนส - "โอ๊ยยยยย ยอมแล้วๆๆ อ๊ากกกกก"
ผม - ".....วันเสาร์หน้า .....พี่จะไปเมกา"
ไอ้เนส - "ไปไมอ่ะ ? แล้ว ....กลับเมื่อไร ?"
ผม - "ฝึกพิเศษน่ะ ส่วนเรื่องกลับเมื่อไรหรือกลับหรือป่าวนั้นยังไม่ได้คิด .....ต้องดูอะไรหลายๆ อย่าง" ไอ้เนสลุกขึ้นแล้วหันมายิ้มด้วยสีหน้าที่ปนเศร้านิดๆ
ไอ้เนส - "ผมรู้ว่าพี่ต้องกลับมาอยู่แล้วล่ะ เพราะมีใครคนนึงเค้ารอพี่อยู่นี่นา ....ถึงคนที่ทำให้พี่กลับมาจะไม่ใช่ผมก็ไม่เป็นไร แต่ผมก็จะรอ .....รอพี่กลับมา"
เวลาต่อมา ณ ถนนงามวงศ์วาน
ขณะที่ผมขับรถฟังเพลงไปเพลินๆ ก็นึกอะไรบางอย่างออกเมื่อผ่านร้านอาหารแห่งนึงซึ่งปิดกิจการรกร้างไปนานมากแล้ว "ร้านเซซาโว่" ( อยู่ตรงบางลำภู )
ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน .....ตอนที่ผมอายุแค่ 10 ขวบเห็นจะได้
ผม - "ปู่ .....ผมมองไม่เห็นอ่ะ เปิดตาได้ยังเนี่ย ?" เด็กชายตัวน้อยนามว่า "นายน็อต" กำลังเดินปิดตาจับมือปู่อย่างตื่นเต้นว่าปู่กำลังจะพาไปดูอะไร
ปู่ - "ยังๆ ห้ามเปิดตาก่อนปู่จะบอกน้าาาา ไม่งั้นอดไปยิงปืนกับปู่ไม่รู้ด้วยเน้อ" ปู่ชอบใช้ลูกไม้นี้กับผมเป็นประจำเวลาผมดื้อหรืองอแงไม่ยอมทำตามที่เค้าสั่ง
ปู่ - "......อีกนิดๆ ก้าวไปอีกก้าวนึง นั่นแหละๆ อ่าาาา ยืนตรงนี้ๆ เตรียมตัวเปิดตานะ 1 ...2 ...ซั่ม"
"
โฮกกกกกกกกก" เสือโคร่งตัวใหญ่คำรามอยู่ตรงหน้าผมห่างออกไปแค่ 1 เมตร มันกระโจนเข้าหาผมอย่างหิวกระหายแต่โชคดีที่มีลูกกรงที่แข็งแรงกั้นเอาไว้
ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมตกใจร้องออกมาอย่างสุดเสียงจนแทบสิ้นสติ ผมพยายามจะวิ่งออกมาจากตรงนั้นแต่ปู่ยืนล็อคตัวผมเอาไว้แน่นให้ยืนประจัญหน้ากับมัน
ปู่ - "กลัวล่ะซิ 555 .....แต่ดูให้ดีๆ มันทำไรเราไม่ได้ เราจะไปกลัวมันทำไม ?" เสือโคร่งตัวใหญ่ตัวนั้นก็ยังคำรามกระโจนเข้าหาผมกับปู่อย่างบ้าคลั่ง
ผม - "ปะ ปะ ปู่ .....ผะ ผมกลัว ไม่เอาแล้ว .....อยากกลับบ้าน ฮือๆ" ผมหลับตากอดแขนปู่เอาไว้แน่นร้องไห้งอแงอยากกลับบ้าน ปู่หันตัวผมไปหาแล้วนั่งยองๆ
ปู่ - "ความกลัวเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นเอาเอง สิ่งที่เราควรจะกลัวที่สุด .....ไม่ใช่เสือที่อยู่ในกรงนั่น แต่เป็นนี่ .....( ปู่เอามือชี้ที่หน้าอกผม ) หัวใจต่างหาก"
ผม - "ทำไมล่ะ ? เสือฆ่าเราได้ แต่หัวใจฆ่าเราไม่ได้นี่ ?" ปู่เอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาผมแล้วดึงตัวไปนั่งที่ขอบรั้ว
ปู่ - "เพราะถ้าหัวใจเราอ่อนแอ ....เราก็ต่างอะไรจากโดนเสือฆ่าหรอก อาจจะทรมานหน่อยที่ตายทั้งเป็น .....เพราะงั้นสิ่งที่เราควรจะกลัวมากที่สุดก็คือหัวใจ"
ผม - "งงอ่ะ" ปู่อุ้มผมไปนั่งที่ตักให้หันไปดูเสือโคร่งตัวนั้นที่อยู่ในกรง
ปู่ - "รู้มั้ยทำไมปู่ถึงให้เจ้ามาเผชิญหน้ากับเจ้านี่ ?"
ผม - "รู้ ....ปู่ชอบแกล้งผมอ่ะ" ผมเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าปู่ ปู่เลยหัวเราะดังลั่นแล้วต่อยแก้มผมเบาๆ ทีนึง
ปู่ - "555 นั่นก็มีส่วนจริงอยู่บ้าง .....ปู่เชื่อว่า ถ้าคนเรากลัวอะไรแล้วยังกล้าเผชิญหน้ากับมันได้ คนๆ นั้นแหละคือ คนที่เก่งจริง ....เจ้าล่ะ ? ....เก่งรึป่าว ?"
ผม - "อาโด่ ผมอ่ะ สุดยอดอยู่แล้ว ....ตะกี้ผมแค่ตกใจ คอยดูนะ ผมจะไปยืนตรงหน้ากรงเลยคอยดู" ผมกระโดดลงจากตักปู่แล้วเดินเข้าไปยืนตรงหน้ากรง
เสือโคร่งตัวใหญ่นั่นด้วยอาการกล้าๆ กลัวๆ เวลามันคำรามหรือกระโจนมาทีผมก็ยังตกใจอยากจะวิ่งหนีซะให้ได้ ปู่นั่งยิ้มปรบมือแล้วยกนิ้วโป้งให้ 2 นิ้ว
ผมจอดรถที่หน้าประตูร้านอาหารเซซาโว่ที่เต็มไปด้วยความหลัง ( ที่โคตรจะระทึก >< ) ของผมกับปู่ ผมนั่งคิดถึงคำสอนต่างๆ นาๆ ของปู่จนน้ำตาไหล
ผม - "ผมก็ยังไม่ใช่คนเก่งอย่างที่ปู่อยากให้เป็นอยู่ดีน่ะแหละ" หลังจากฝึกเสร็จที่เมกาผมตัดสินใจจะไปเทสต์เพื่อเข้าร่วมหน่วยรบพิเศษกึ่งทหารรับจ้างแห่งนึง
ในเนวาด้าแล้วละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้ข้างหลังไว้ที่อดีต ......ใน "ทุกเรื่อง" และ "ทุกคน" เพราะคิดๆ ดูแล้วผมนี่แหละตัวปัญหาของเรื่องยุ่งๆ ทั้งหมด 
ไม่ว่าจะเป็นคนใกล้ตัว ( ไอ้โน๊ตและไอ้ดิ๊ฟ ), เพื่อนสนิทชิดใกล้ ( ไอ้สู้และนิโอ๊ะ ) หรือแม้แต่คนที่เรารัก ( ทัก ) รวมทั้งคนที่เป็นห่วงเรา ( อีกเยอะแยะ )
ขณะที่ผมอยู่ในภะวังค์ของความสับสนก็ต้องสะดุ้งกับเสียงเคาะกระจกรถ ผมหันไปเห็นตำรวจจราจรหนุ่มเปิดที่ปิดปากเผยให้เห็นหน้าตาที่หล่อคมเข้ม 
ผมเลยหยิบแว่นตาสีดำมาใส่เพื่ออำพรางตาที่แดงก่ำจากการร้องไห้แล้วลดกระจกลง
ตำรวจจราจร - "ขอดูใบขับขี่หน่อยครับ ......ไม่ทราบว่าจอดทำอะไรอยู่ครับ ?" ผมไม่อยากต่อล้อต่อเถียงส่งใบขับขี่ให้แต่โดยดีเพราะขี้เกียจมีปัญหา
ผม - "พอดีผมจอดคุยโทรศัพท์กับน้องชายน่ะ แต่สายตัดไปซะก่อน .....นี่ไง โทรมาพอดี" ความจริงผมหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรไปหาเจ้านิ๊กแล้ววาง
สายไปก่อนหน้านั้นแล้ว ( ก่อนลดกระจกลง ) ตำรวจจราจารนายนั้นมองหน้าผมแล้วดูใบขับขี่ก่อนจะมองเข้ามาในรถเหมือนสำรวจอะไรสักอย่างจนทั่ว
ผม - "โอเค นิ๊กกี้ เด๋วพี่จะรีบไป .....ผมกำลังจะไปรับน้องชายสายนะครับคุณตำรวจ" แล้วตำรวจจราจรหนุ่มนั่นก็ส่งคืนใบขับขี่แล้วปล่อยผมไป
คิดแล้วก็ฮานะ ผมเพิ่งจะกลุ้มใจเครียดจนหัวแทบแตกกับเรื่องแบบนั้นแต่ก็ยังมีหนุ่มในเครื่องแบบรูปหล่อโผล่ออกมาทำให้หวั่นไหวไปแปปนึงอีก 555
เฮ้อออออ .....กู -*-a ( ถ้าปู่ยังมีชีวิตอยู่แล้วรู้ว่าผมเป็นแบบนี้ไปแล้วนะ สงสัยผมโดนปู่ยิงทิ้งแหงมๆ 555 )
************************
BY :  XIII Post : 2009-11-13

No comments:

Post a Comment